[รีวิว] อ่านสอบ A1 เยอรมันด้วยตัวเองยังไงให้ผ่าน 91/100

[รีวิว] อ่านสอบ A1 เยอรมันด้วยตัวเองยังไงให้ผ่าน 91/100

หลายๆ คนที่ได้เข้ามาอ่านบล็อกนี้น่าจะต้องเตรียมตัวสอบ A1 เยอรมันกันใช่ไหมคะ ไม่ว่าจะด้วยความสนใจภาษาเยอรมันเป็นการส่วนตัว ใช้เรียนต่อในเยอรมัน หรือต้องสอบเพื่อยื่นสมัครวีซ่าติดตามคู่สมรสชาวเยอรมันเหมือนกัน หากเป็นอย่างหลัง ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ เข้าใจดีว่าแรกๆ น่าจะรู้สึกกังวลไม่ต่างกัน เพราะการเรียนภาษาภาษาหนึ่งให้ได้ทั้ง 4 ทักษะ ฟัง พูด อ่าน เขียน ตั้งแต่เริ่มสำหรับคนที่ไม่มีพื้นฐานมาก่อนเลยไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะถ้าอยากเรียนภาษาเยอรมันด้วยตัวเองเพื่อประหยัดค่าใช้จ่ายให้ได้มากที่สุด

ถึงจะยาก แต่ใช่ว่าเป็นไปไม่ได้! ตอนแรกหวังแค่มากกว่า 60 คะแนนให้ผ่านก็พอแล้ว แต่กลับได้คะแนนดีกว่าที่หวัง ช่วงแรกๆ ฉันลองเรียนภาษาผ่านแอปสอนภาษาเพราะน่าจะสนุกดี จนเริ่มหยิบหนังสือสอนภาษาเยอรมันผ่าน Mind Map ที่ซื้อดองไว้ขึ้นมาอ่าน ลงคอร์สเรียนออนไลน์ด้วยตัวเองกับสถาบัน Goethe (เห็นว่ากำลังลดราคา 50% อยู่พอดี)

ตบท้ายด้วยการลองทำข้อสอบเยอรมัน A1 ฟรีออนไลน์ตาม Youtube ให้ได้มากที่สุด ที่สำคัญก็คือฝึกทำข้อสอบข้อเขียนกับฝึกพูดกับแฟนบ่อยๆ ฉันใช้เวลาทั้งหมดประมาณ 6 เดือน เพราะทำงานไปด้วยเรียนไปด้วย แล้วก็เพิ่งจะมาจริงจังเอาช่วงหลังๆ นี่เอง ถ้าขยันจริงๆ และไม่ต้องลองผิดลองถูกแบบนี้ เตรียมตัวซักประมาณ 3 เดือนก็น่าจะพอแล้วล่ะค่ะ

 

เรียนภาษาเยอรมันด้วยตัวเองผ่านแอปสอนภาษา

 

สอบ a1 เยอรมัน

แอปสอนภาษา Duolingo

 

ช่วงแรกๆ ฉันลองเรียนภาษาเยอรมันผ่านแอปเรียนภาษา Duolingo เพราะอยากเริ่มเรียนรู้ภาษาใหม่ด้วยความสนุก แรกๆ ก็ทนเรียนไปดูโฆษณาไปเพราะความงก ไม่อยากเสียเงิน หลังๆ เริ่มขี้เกียจรอ เลยสมัคร Duolingo Plus รายปีราคา $79.99 (ประมาณ 2,400 บาท) ที่ตอนนั้นกำลังลดราคา 50% เหลือ 1,200 บาท (ตกเดือนละแค่ 100 บาท) คุ้มสุดและยังปลดล็อกฟีเจอร์หลายๆ อย่างในแอปได้ด้วย

ข้อดีของแอป Duolingo ที่ฉันชอบคือเขาออกแบบมาให้เหมือนว่ากำลังเล่นเกมเกมหนึ่งอยู่ มีการจัดลำดับคะแนนตามการฝึกฝนและเวลาที่ใช้เรียนภาษาในแต่ละวันร่วมกับผู้เรียนภาษาคนอื่น วันไหนที่ติดท็อป 3 ก็จะดีใจ การเรียนภาษาผ่านแอปนี้เลยไม่ทำให้ฉันรู้สึกเบื่อง่ายจนเกินไป

แอปจะให้เรียนภาษาเยอรมันจากง่ายไปยากตามหัวข้อต่างๆ มีคำอธิบายเนื้อหาแบบสรุปให้ จะได้ฝึกทั้งฟัง พูด อ่าน เขียนในระดับประโยค พาร์ทพูดอาจจะไม่แม่นยำนักเพราะหุ่นยนต์มักจะให้ผ่านเสมอแม้จะพูดไม่ชัดเท่าไหร่ แต่หลังๆ แอปให้เปิดฟังบันทึกเสียงที่เราพูดเทียบกับที่คนเยอรมันพูดไว้ให้เห็นความแตกต่างชัดเจนขึ้น นี่ก็เป็นข้อดีอีกอย่าง เพราะแอปพัฒนาบริการอย่างไม่หยุดยั้งจริงๆ มีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด

ฟีเจอร์ที่ฉันว่ามีประโยชน์อีกอย่างก็คือพาร์ทฟังที่ให้กดฟังเรื่องราวแล้วตอบคำถามเพื่อดูว่าเข้าใจเรื่องราวเหล่านั้นมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าอ่านหนังสือเองอย่างเดียวก็อาจจะไม่ได้ฝึกฟังภาษาเยอรมันสักเท่าไหร่ อีกฟีเจอร์หนึ่งที่ดีคือแอปจะนำคำถามที่เราเคยตอบผิดมาถามซ้ำจนกว่าจะตอบถูก เพื่อเป็นการช่วยทบทวนความจำไปในตัว

ถึงการเรียนภาษาผ่านแอปจะสนุกและทำให้คุ้นเคยกับภาษาเยอรมันได้ง่ายขึ้นในช่วงแรก ก็ยังมีข้อเสียเหมือนกัน พอเรียนไปมากๆ เข้าจะจับทิศทางไม่ค่อยถูก เพราะต้องเรียนรู้คำศัพท์เยอะมาก จำไม่ได้ทั้งหมด เลยเกิน scope ของภาษาเยอรมันระดับ A1 ไปนิด เพราะอย่างนี้ฉันเลยเริ่มหยิบหนังสือสอนภาษาเยอรมันมาอ่าน จะได้เรียนแบบจริงจังมากขึ้น

 

เรียนภาษาเยอรมันด้วยตัวเองผ่านหนังสือ

 

 

หลังจากเรียนๆ เล่นๆ ผ่านแอปมาเป็นเดือนๆ หลังปีใหม่ 2021 ฉันเริ่มหยิบหนังสือสอนภาษาเยอรมันผ่าน Mind Map ของสำนักพิมพ์พราวขึ้นมาอ่าน ผู้เขียนจบจุฬาด้านภาษาเยอรมันมาโดยตรงเลย ภาพประกอบก็น่ารักดีด้วย ทำให้น่าอ่าน ฉันอ่านไปด้วย เขียนสรุปเนื้อหาที่สำคัญไปด้วย เพราะการเขียนช่วยให้ฉันจดจำได้มากขึ้น จะได้ชินมือ และสามารถหยิบขึ้นมาอ่านทวนได้ง่ายๆ

วิธีนี้ได้ผลมากเพราะได้เริ่มเรียนไวยากรณ์ของภาษาเยอรมันแบบเป็นขั้นเป็นตอนมากขึ้น ตั้งแต่จดจำตัวอักษร สระ คำนาม คำนำหน้าคำนามและการแบ่งเพศ กรรมตรง กรรมรอง คำแสดงความเป็นเจ้าของ ประโยค ตัวเลข คำสรรพนาม คำกริยาและการผัน การบอกเวลา วัน เดือน ปี วันเกิด คำคุณศัพท์ ที่ล้วนสำคัญและหนีไม่ได้เลยหากต้องการเขียนและพูดภาษาเยอรมันได้อย่างถูกต้องตามหลัก

การอ่านหนังสือเล่มนี้ทำให้ฉันเข้าใจแกรมม่าเยอรมันขั้นพื้นฐานและท่องจำจากความเข้าใจได้มากขึ้น เพราะก่อนหน้านี้ขอสารภาพเลยว่าค่อนข้างท้อกับการจำเพศของคำนามเยอรมัน แต่จริงๆ แล้วมันมีกฎของมันอยู่ที่ถ้าจำได้ก็จะเดา article ถูกไปแล้วมากกว่าครึ่ง การผันคำกริยาเองจริงๆ ก็มีกฎการผันตามประธานของมันอยู่ พอรู้เรื่องแกรมม่าพวกนี้แล้วก็ทำให้การเรียนเยอรมันง่ายขึ้นอีกหลายเท่าตัว

ในหนังสือยังเป็นคลังคำศัพท์ตามหมวดหมู่ที่สำคัญต่างๆ ทั้งร่างกาย สภาพอากาศ บ้าน ครอบครัว ประเทศ สิ่งของ กีฬา สัตว์ ธรรมชาติ และอื่นๆ ตามด้วยบทสนทนาที่จำเป็นในชีวิตประจำวัน ฉันใช้เวลาเกือบสองเดือนถึงอ่านจนจบ เพราะหนังสือจุเนื้อหาเยอะอยู่ ยิ่งอธิบายเป็นภาษาไทยด้วยแล้ว ยิ่งเข้าใจง่ายขึ้น เรื่องแกรมม่าฉันได้เต็มๆ เลยจากหนังสือเล่มนี้

ยังไงก็ตามพอเจอตัวอักษรไปนานๆ เข้าก็เริ่มเบื่อ ฉันมองว่าการเรียนคำศัพท์ภาษาเยอรมันแปลเป็นภาษาอังกฤษจะทำให้จำได้มากกว่า ด้วยตัวอักษรและการสะกดคำที่คล้ายคลึงกัน เลยต้องคอยค้นหาในพจนานุกรมออนไลน์เพื่อเขียนภาษาอังกฤษกำกับไว้ในสรุปด้วย ทำให้อาจจะเสียเวลาไปนิด

ช่วงแรกๆ ให้แฟนช่วยถามคำถามตามเนื้อหาที่จดสรุปไว้แล้วตอบกลับ จะได้ฝึกพูดและฝึกจำ หลังๆ ต้องจำเยอะ พอจำบทหลังๆ ได้ บทแรกๆ ดันลืม จนเริ่มรู้สึกท้อที่ต้องจำเยอะมาก โดยไม่รู้ scope ของ A1 จริงๆ ความคิดที่อยากจะลงเรียนคอร์สภาษาเยอรมันกับ Goethe จึงเกิดขึ้น จะได้มั่นใจว่าสอบผ่านแน่ๆ

ฉันลองเช็คคอร์สเรียนภาษาเยอรมันของ Goethe ดู เขาปิดรับสมัครไปแล้ว ต้องรออีกหลายเดือนเลย แต่ทางสถาบันยังมีคอร์สเรียนภาษาเยอรมันออนไลน์แบบ E-learning ซึ่งถูกสุดในบรรดาคอร์สทั้งหลาย ช่วงนั้นกำลังมีโปรโมชั่นลดราคา 50% พอดี จาก 239 ยูโรเหลือ 119.5 ยูโร (ประมาณ 4,500 บาท) ช่วงที่มีการระบาดของโรคแบบนี้ เรียนออนไลน์ก็ดีเหมือนกัน แถมยังเรียนด้วยตัวเองตอนไหน ที่ไหนก็ได้ด้วย

 

เรียนคอร์ส E-learning แบบออนไลน์สำหรับสอบ A1 เยอรมัน

 

สอบ a1 เยอรมัน

คอร์สเรียนออนไลน์แบบ E-learning ของสถาบัน Goethe

 

ในคอร์สจะประกอบไปด้วยบทเรียนทั้งหมด 18 บทตามหัวข้อเรื่อง และแต่ละบทแยกออกเป็นอีก 3 พาร์ทย่อย เขาคำนวณมาว่าทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 75 ชั่วโมง ฉันเรียนวันละบทบ้าง ครึ่งบทบ้าง วันละประมาณ 2-3 ชั่วโมง ภายในหนึ่งเดือนก็เรียนจบหลักสูตร ในขณะที่คอร์สให้เวลาทั้งหมด 3 เดือนในการเรียน

18 บทครอบคลุมเนื้อหาคร่าวๆ ดังต่อไปนี้:

  • ทักทายและแนะนำตัว
  • ผู้คนและอาชีพ
  • เพื่อนและการนัดพบปะ
  • ร้านอาหารและการสั่งอาหาร
  • ซื้อของกิน
  • ชีวิตประจำวันและการนัดหมาย
  • การเชิญชวน
  • ที่พัก บ้าน
  • การเยี่ยมเยียน อดีต การเขียนอีเมล
  • การสอบถาม
  • การให้หรือขอความช่วยเหลือ
  • ที่ทำงาน
  • ครอบครัว
  • งาน
  • โรงพยาบาล
  • ซื้อของใช้
  • การเดินทาง
  • การทำงานและการใช้ชีวิต

 

ในบทเรียนจะสอดแทรกทั้งตัวอักษร การออกเสียงคำ ไวยากรณ์ คำศัพท์ และบทสนทนาในเบื้องต้นที่ควรรู้สำหรับการสอบ A1 เยอรมัน ทำให้เราจับทิศทางของข้อสอบได้ว่าต้องรู้เกี่ยวกับหัวข้ออะไรและคำศัพท์คำไหนบ้างที่เราจะเจอบ่อยๆ ในชีวิตประจำวันและในข้อสอบ A1 เยอรมัน

เราจะได้ฝึกฟังผ่านวิดีโอและอ่านพารากราฟเยอะมากในคอร์ส ทำความเข้าใจบทเรียนผ่านการเติมคำในช่องว่าง เลือกคำตอบข้อที่ถูกที่สุด และเลือกกาถูกหรือผิด เป็นการเตรียมสอบ A1 เยอรมันจริง เพราะข้อสอบก็ออกโดยสถาบันเองนี่แหละ E-learning ถูกออกแบบมาให้เรียนจากง่ายไปยาก ตั้งแต่บทสนทนาสั้นๆ ไปจนถึงรูปแบบของการเขียนอีเมลเชิญชวน/ซักถามทั้งแบบไม่เป็นทางการและเป็นทางการ ซึ่งจะถูกนำมาใช้ออกข้อสอบ A1 เยอรมันจริงในส่วนของพาร์ทเขียน

ในคอร์สจะมีให้ได้ฝึกพูดออกเสียงด้วย แต่ระบบไม่ค่อยดี เพราะพยายามพูดเท่าไหร่ก็ไม่ให้ผ่านสักที เลยข้ามส่วนนี้ไปซึ่งคิดเป็นแค่ 5% เท่านั้น สำหรับฉันแล้ว ถ้าไม่ได้อ่านหนังสือหรือเรียนผ่านแอปมาก่อน การเรียนผ่าน E-learning อาจจะไม่ง่ายและรวดเร็วขนาดนี้ เพราะเน้นเรื่องบทสนทนาและคำศัพท์มากกว่า มีแกรมม่าหลายอย่างที่บทเรียนออนไลน์ไม่ได้พูดถึง มาถึงก็สอนเรื่องการแนะนำตัวก่อน พูดถึงตัวอักษรทีหลัง บทเรียนยังเป็นภาษาเยอรมันแทบทั้งหมด ถ้าไม่รู้คำศัพท์มาก่อนบ้าง อาจจะรู้สึกว่าการเรียนออนไลน์ที่เริ่มจากบทสนทนาก่อนเลยแบบนี้ยากไปนิด

ถ้าให้อธิบายโดยสรุป การเรียนภาษาเยอรมันผ่านแอปพลิเคชัน หนังสือสอนภาษาเยอรมัน และคอร์สเรียนภาษาเยอรมันด้วยตัวเองแบบออนไลน์ก็มีข้อดีที่แตกต่างกันออกไป และฉันคิดว่าการเรียนทั้ง 3 วิธีไปพร้อมๆ กันแบบคอมโบนี่แหละดีที่สุดสำหรับการเรียนภาษาด้วยตัวเอง

แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือการลองทำตัวอย่างข้อสอบ A1 เยอรมัน จะได้รู้แนวข้อสอบก่อนลงสนามจริง

 

ข้อสอบ A1 เยอรมัน

 

 

ข้อสอบ A1 เยอรมันจะแบ่งออกเป็นทั้งหมด 4 ทักษะ ตามลำดับและรายละเอียดต่อไปนี้:

1. พาร์ทฟัง  (Listening)

  • 20 นาที
  • 25 คะแนน
  • บทสนทนาในชีวิตประจำวัน 6 ข้อ ให้ฟังได้ 2 ครั้ง เลือก a b c ข้อที่ถูก
  • ประกาศในที่สาธารณะ 4 ข้อ *ให้ฟังได้แค่ 1 ครั้ง* เลือก T หรือ F
  • คุยโทรศัพท์แบบทางการและไม่เป็นทางการ 5 ข้อ ให้ฟังได้ 2 ครั้ง เลือก a b c ข้อที่ถูก

 

สำหรับฉัน พาร์ทฟังเป็นพาร์ทที่ง่ายที่สุดจากการสังเกตคะแนนตัวเองตอนลองทำตัวอย่างข้อสอบและผลคะแนนที่ได้จากข้อสอบจริง เพราะให้โอกาสฟังถึงสองรอบ ถ้าฟังแล้วเข้าใจก็รอดแล้ว สิ่งที่ต้องระวังก็คือโจทย์จะพยายามหลอกเราโดยจะพูดถึงคำตอบแทบจะทั้งหมด เพื่อดักทางถ้าเราเลือกคำตอบจากการแค่ได้ยินคำคำนั้นเฉยๆ

เช่น คำถามคือผู้หญิงคนนี้สั่งอะไร? ในเทปเสียงอาจจะเป็นพนักงานเสิร์ฟกำลังแนะนำสเต๊กให้ลูกค้า แต่ผู้หญิงคนนี้บอกว่าไม่กินเนื้อวัว ขอเป็นสลัดแทน แต่พนักงานเสิร์ฟบอกว่าสลัดหมด แนะนำเป็นซุปปลาแทน สรุปเธอสั่งซุปปลามากิน ตัวเลือกจะมีทั้ง สเต๊ก สลัด และซุปปลา แต่คำตอบที่ถูกต้องก็คือซุปปลานั่นเอง

เพราะฉะนั้นพยายามฟังให้จบก่อนที่จะเลือกคำตอบที่ใช่จริงๆ ที่สำคัญก็คือพยายามกวาดสายตาอ่านโจทย์ไวๆ จะได้รู้ว่าคำถามคืออะไรและคำตอบมีอะไรบ้าง โดยเฉพาะข้อที่ให้เลือกถูกหรือผิด เพราะจะให้เราฟังแค่ครั้งเดียวเท่านั้น สมาธิเลยต้องจดจ่อมากๆ แต่ถ้าไม่ทันก็อย่ามัวแต่กังวล ให้เริ่มไปโฟกัสฟังที่ข้อใหม่ทันที ไม่งั้นอาจจะลนจนพังไปทั้งหมดได้

2. พาร์ทอ่าน (Reading)

  • 25 นาที
  • 25 คะแนน
  • พารากราฟและวิเคราะห์รวม 15 ข้อ T/F 10 ข้อ, เลือก a หรือ b 5 ข้อ

 

พาร์ทอ่านเป็นพาร์ทที่ฉันว่าไม่ยากเท่าไหร่ พอๆ กันกับพาร์ทฟัง แต่คะแนนจริงออกมากลายเป็นพาร์ทที่ได้คะแนนน้อยที่สุด อาจจะเป็นเพราะไม่รู้คำศัพท์บางคำ ข้อควรระวังก็คือให้อ่านโจทย์ดีๆ เพราะบางทีอาจมีคำว่า “Nicht” ที่แปลว่าไม่ซ่อนอยู่ แต่เรากลับมองข้ามไป ทำให้เลือกคำตอบผิด ถ้าเวลายังเหลือก็อ่านทวนคำตอบอีกรอบหนึ่งจะได้แม่นๆ

3. พาร์ทเขียน (Writing)

  • 20 นาที
  • 25 คะแนน
  • เติมคำในช่องว่าง 5 ข้อ 5 คะแนน
  • ข้อเขียนให้ครอบคลุม 3 หัวข้อ (หัวข้อละประมาณ 30 คำ) 20 คะแนน

 

พาร์ทเขียนเป็นพาร์ทที่ฉันค่อนข้างกังวลเพราะกลัวว่าจะไม่เข้าใจโจทย์ สะกดคำผิด ผันกริยาผิด หรือจำคำขึ้นต้นกับตบท้ายในอีเมลหรือจดหมายแบบไม่เป็นทางการหรือเป็นทางการไม่ได้ ทำให้ช่วงวันท้ายๆ ก่อนสอบฉันจะเน้นทำข้อสอบเขียนเยอะหน่อย แล้วให้แฟนช่วยตรวจ ก็จะมาจำได้ตอนที่โดนแก้ว่าตรงไหนผิดบ้างนี่แหละ แต่ถ้าไม่มีคนช่วยตรวจ ตัวอย่างข้อสอบ A1 เยอรมันด้านล่างที่แนบไว้ให้บางรายการก็มีเฉลยไว้ให้เหมือนกัน การลองทำข้อสอบจริงพาร์ทเขียนเลยจำเป็นมากๆ

โชคดีที่ข้อสอบจริงให้เขียนอีเมลถึงเพื่อนแบบไม่เป็นทางการ ซึ่งเขียนได้ง่ายกว่า

/////////////////// พัก ///////////////////

เวลาพักแล้วแต่คนที่ถูกจัดกลุ่ม ของฉันต้องรอประมาณ 55 นาที (นั่งกินของว่างรอ) ตอนแรกว่าจะหยิบสรุปจากบ้านมาอ่านด้วย แต่เปลี่ยนใจเพราะจะมัวแต่กังวลเปล่าๆ แค่ต้องเตรียมใจและสติให้พร้อมเท่านั้น

4. พาร์ทพูด (Speaking) 

  • 15 นาที
  • กลุ่มละไม่เกิน 4 คน
  • ให้แนะนำตัวเอง: ชื่อ อายุเท่าไหร่ มาจากที่ไหน อาศัยอยู่ที่ไหน ทำงานอะไร ชอบทำงานอดิเรกอะไรบ้าง และพูดภาษาอะไรได้บ้าง + ตอบคำถาม เช่น ให้สะกดชื่อหรือคำศัพท์อื่นๆ (อา เบ เซ เด ต้องคล่อง) บอกอายุ วันเกิด เป็นต้น
  • ถาม-ตอบเพื่อนจากบัตรคำตามหัวข้อที่กำหนด 2 ครั้ง
  • ถาม-ตอบเพื่อนจากบัตรภาพตามหัวข้อที่กำหนด 2 ครั้ง

พาร์ทพูดเป็นพาร์ทที่ตื่นเต้นที่สุด ให้เตรียมพูดแนะนำตัวเองพาร์ทแรกแบบท่องจนขึ้นใจจะได้ดูโปร แต่ตอนสอบจริงเขาจะมีกระดาษให้ดูว่าอยากให้พูดถึงอะไรบ้างอีกที

Name?

Mein Name ist Treesukondh Chiramakara oder einfach Tree.

Alter?

Ich bin 28 Jahre alt.

Land?

Ich komme aus Thaiand.

Wohnort?

Aber ich wohne in Tbilisi.

Sprachen?

Ich spreche Thai, Englisch und ein bisschen Deutsch.

Beruf?

Ich bin Übersetzerin von Beruf.

Hobby?

Meine Hobbys sind fotogafieren, wandern und Blog Artikel schreiben.

ส่วนพาร์ทคำศัพท์ที่เป็นตัวอักษรกับภาพ ฉันลองฝึกตั้งคำถามและตอบคำถามกับแฟนอยู่บ่อยๆ เพราะกลัวว่าถ้าจำคำศัพท์ไม่ได้จะเสียคะแนนตรงนี้ไป โชคดีที่ตอนสอบฉันได้คำที่มีความหมายง่ายๆ อย่าง ครอบครัว อาชีพ หนังสือ ผลไม้ แต่ที่พลาดก็คือตอนฝึกฉันไม่ได้สังเกตว่าบัตรคำศัพท์เหล่านั้นจะมีกำหนดหัวข้อไว้ด้วย ทำให้ไม่สามารถจะตั้งคำถามหรือคำตอบได้ตามอำเภอใจขนาดนั้น เช่น

    • ครอบครัว (Familie) – ท่องเที่ยว (Urlaub) = Möchten Sie mit Ihrer Familie Urlaub machen?
    • อาชีพ (Beruf) – คอร์สพูดภาษา (Sprachkurs) = Was ist Beruf in English?
    • หนังสือ (Buch) กับผลไม้ (Obst) – ผู้คุมสอบให้ตั้งคำถามในรูปแบบประโยคขอร้องที่มีคำว่า bitte (please) เท่านั้น = Können Sie mir das Buch/Obst geben bitte?

 

*อุปกรณ์ที่ต้องเตรียมไปในวันสอบ*

  1. ปากกาน้ำเงิน
  2. บัตรประชาชน/พาสปอร์ต
  3. จดหมายเชิญให้เข้าสอบ (มีเลขประจำตัวผู้สอบและตารางสอบอยู่ในนั้น) ทางสถาบันจะส่งข้อมูลให้ก่อนถึงวันสอบล่วงหน้าประมาณ 3 วัน
  4. น้ำดื่มแบบมีฝาปิด

 

หมายเหตุ: ไม่อนุญาตให้นำมือถือเข้าห้องสอบ

 

ตัวอย่างข้อสอบ A1 เยอรมัน

 

  1. https://www.goethe.de/en/spr/kup/prf/prf/sd1/ueb.html (listening)
  2. https://www.youtube.com/watch?v=VLN6eOyMXwI&t=1369s (listening, reading, writing)
  3. https://www.youtube.com/watch?v=32QX4qkcvjw (listening, reading, writing)
  4. https://www.youtube.com/watch?v=aw84-x4BNSw (listening, reading, writing)
  5. https://www.youtube.com/watch?v=kpSVhQzlHmk&t=7s (listening, reading, writing)
  6. https://www.youtube.com/watch?v=Upm1o_A054Y (listening, reading, writing)
  7. https://www.youtube.com/watch?v=WvlkreDZWxM  (listening, reading, writing)
  8. https://www.youtube.com/watch?v=VEzrXjVtSzI&t=160s (listening, reading, writing)
  9. https://www.youtube.com/watch?v=tvt4sdSagG8 (listening, reading, writing)
  10. https://www.youtube.com/watch?v=xmsBrizUFt8 (listening, reading, writing)
  11. https://www.youtube.com/watch?v=hgaubz2km1M&t=206s (listening, reading, writing)
  12. https://www.youtube.com/watch?v=LHj3RJDWTKg (speaking 2)
  13. https://www.youtube.com/watch?v=_BjvCgYHRtA&t=13s (speaking 3)
  14. https://www.youtube.com/watch?v=mWulBPaDzcs (พูดแนะนำตัวเป็นภาษาเยอรมัน)
  15. https://www.youtube.com/watch?v=aGNd-6pDkEI (บรรยากาศสอบ speaking)

 

 

Viel Glück für die Prüfung!

Good luck for the exam!

 

อ่านต่อ:

6 Comments