Travel

นั่งรถไฟจากเวียนนาแค่ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็เดินทางมาถึงเมืองบราติสลาวา (Bratislava) เมืองหลวงของประเทศสโลวาเกีย (Slovakia) ที่ตั้งอยู่ติดกับชายแดนของประเทศออสเตรียเลย สโลวาเกียเป็นประเทศใหม่ประเทศแรกที่ฉันได้มาเที่ยว หลังจากการระบาดของโควิดทั่วโลกนานเกือบ 3 ปี ความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เดินทางท่องเที่ยวไปในที่ใหม่ ๆ ที่ที่ไม่คุ้นเคย ก็ได้กลับมาเยือนหัวใจของฉันอีกครั้ง… โบกมือลาเวียนนา แล้วนั่งรถไฟไปเที่ยวบราติสลาวากันต่อ เราโบกมือลาเวียนนากับบรรยากาศเมืองสุดอินดี้ละแวกที่พัก แล้วแวะกินอาหารเช้ากันที่คาเฟ่ Gota กาแฟที่นี่ค่อนข้างอร่อย เลยซื้อห่อเมล็ดกาแฟของทางร้านกลับเยอรมันไปกับเราด้วย ที่น่าสนใจคือ ทางร้านมีหลายเมนูกาแฟที่ผสมแอลกอฮอล์ ฉันไม่อินเท่าไหร่เลยไม่ได้ลอง แต่ดูท่าแล้วที่นี่ชอบเอาแอลกอฮอล์มาผสมนู่นนี่เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเค้ก ไอศกรีม หรือแม้กระทั่งกาแฟ เรานั่งกันข้างนอกร้าน ดูความเป็นไปของเวียนนา บรรยากาศชิวมาก ที่ร้านเองก็มีแขกมาไม่ได้ขาด ข้าง ๆ โต๊ะเราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มาคาเฟ่พร้อมน้องหมา เธอได้ยินสามีฉันพูดชื่อประเทศสโลวีเนีย (ยังสับสนอยู่ว่าตกลงวันนี้เราจะไปเที่ยวที่สโลวีเนียหรือสโลวาเกียกันแน่) เธอก็เลยพูดขึ้นมาว่า เธอเพิ่งไปสโลวีเนียมา ธรรมชาติที่นั่นสวยมาก พร้อมโชว์ภาพในมือถือให้ดู ให้ภาพยืนยันว่าสวยจริง ๆ พอเห็นแล้วก็ทำให้เราอยากไปบ้างเลย ฉันถามเธอว่ามาจากที่ไหน เธอบอกว่ามาจากอิสราเอล...

หลังจากที่ฉันย้ายมาอยู่ที่ประเทศเยอรมันกับสามีได้ไม่ถึงหนึ่งเดือน ก็พากันจองตั๋วรถไฟจากเมืองไลพ์ซิกไปเที่ยวเวียนนาแบบฉุกละหุก เพื่อไปเยี่ยมเพื่อนคนจอร์เจียของเราที่อยู่ที่นั่น ก่อนที่เขาจะต้องบินกลับไปเรียนต่อที่ลิทัวเนีย ส่วนตัวฉันเองก็จะได้แวะเที่ยวเวียนนาเป็นครั้งแรก แล้วมีข้ออ้างไปเที่ยวช่วงวันเกิดครบรอบ 29 ปีของตัวเองด้วยซะเลย ก่อนหน้านี้ฉันเคยไปเที่ยวออสเตรียมาก่อนแล้ว แต่แค่แวะไปเยี่ยมเพื่อนคนออสเตรียที่รู้จักกันสมัยเรียนมหาวิทยาลัยที่เมืองอินส์บรุคเท่านั้น เที่ยวออสเตรียคราวนี้เลยกะว่าจะเที่ยวนานหน่อย จะได้ทำความรู้จักกับประเทศออสเตรียให้มากขึ้น เราวางแผนเที่ยวออสเตรียไว้คร่าว ๆ ทั้งหมด 12 วัน เดือนพฤษภาคม 2022 เริ่มทริปกันที่เมืองเวียนนา (Vienna) บราติสลาวา (Bratislave) ฮัลล์สตัทท์ (Hallstatt) อินส์บรุค (Innsbruck) และแอลป์บาค (Alpbach) ทั้งหมดเดินทางด้วยรถไฟ เราชอบนั่งรถไฟเที่ยวกัน เพราะราคาไม่แพงนัก ได้เห็นวิวสวย ๆ ตลอดทาง แล้วก็ยังเป็นตัวเลือกการเดินทางที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมด้วย วิธีซื้อตั๋วรถไฟจากเยอรมันไปเที่ยวเวียนนา ประเทศออสเตรีย ไปเที่ยวเวียนนาประเทศออสเตรีย ด้วยรถไฟจากเมืองไลพ์ซิกประเทศเยอรมัน การจองตั๋วรถไฟจากเยอรมันไปเที่ยวเวียนนา ประเทศออสเตรีย สามารถจองออนไลน์ได้ด้วยตัวเอง ผ่านเว็บไซต์ทางการของ Deutsche Bahn บริษัทรถไฟในเยอรมัน bahn.com/en เริ่มจากใส่ชื่อสถานที่ ชั้นรถไฟ...

หลังจากทริป 2 เดือนในยุโรปจบลง พร้อมกับ pocket money ที่ร่อยหรอ ก่อนกลับไทยพวกเราเลยเลือกไปเที่ยวจอร์เจียกันต่อ โดยบินไปที่เมืองคูไทซี (Kutaisi) เมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ของประเทศจอร์เจีย ด้วยเหตุผลที่ว่าตั๋วเครื่องบินถูกและสามารถอยู่ได้นานถึง 1 ปีโดยไม่ต้องขอวีซ่า ประเทศนี้ทำให้เราประทับใจมากจนต้องกลับมาอีกครั้งในปี 2020 เมืองคูไทซีเป็นเมืองเก่าที่มีโบสถ์คริสต์นิกายออร์โธดอกซ์ที่มีชื่อเสียง ภายในอาคารค่อนข้างเรียบง่าย สวยงามด้วยรูปวาดและภาพเขียนฝาผนังเก่าแก่ โชคดีที่เราได้มีโอกาสเห็นงานแต่งงานของคนจอร์เจียเกิดขึ้นในโบสถ์แบบบังเอิญด้วย ความพิเศษอีกอย่างหนึ่งของประเทศจอร์เจียก็คือ พวกเขาเป็นหนึ่งในผู้คิดค้นไวน์เป็นประเทศแรก ๆ ของโลก ตั้งแต่เมื่อ 6,000 ปีก่อนคริสต์ศักราช สังเกตได้ว่าบ้านหลาย ๆ หลังของที่นี่จะปลูกองุ่นไว้หน้าบ้านไว้ทำไวน์ดื่มกันเอง ส่วนไวน์ที่ขายอยู่ในซูเปอร์มาร์เก็ตก็รสชาติดีและราคาถูกมาก แค่ 80-150 บาทโดยประมาณเท่านั้น ส่วนตึกรามบ้านช่องของที่นี่ก็เก่าแก่และสวยงาม ร้านค้า ร้านอาหาร และคาเฟ่มักตกแต่งด้วยรูปภาพขาวดำและของเก่า ทำให้บรรยากาศรอบ ๆ ตัวเราดูวินเทจไปซะหมด พวกเราเลือกที่จะเดินทางช้าลง หลังจากการกระโดดไปมาหลายประเทศในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมา จนวันหนึ่งแฟนสังเกตเห็นป้ายโฆษณาเมือง...

เมื่อสองปีที่แล้ว.. ฉันตัดสินใจลาออกจากงานประจำงานแรกในชีวิตซึ่งยังคงเป็นงานสุดท้ายในขณะนี้ด้วยเหตุผลหลักที่ว่า “งานนั้นหนักเกินไป” งานที่ว่าคือการเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีหรือออดิทที่หลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินมาบ้าง   เป็นออดิทเพราะเรียนบัญชี Art by Palim ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัยปีสาม ฉันมีโอกาสฝึกงานในบริษัทที่มีชื่อเสียงเป็นอันดับต้นๆ ของสายงานนี้ เมื่อการฝึกงานจบลง ฉันก็ได้รับข้อเสนอให้เซ็นสัญญาเข้าทำงานต่อทันทีหลังเรียนจบ ซึ่งถือเป็นเรื่องที่น่าดีใจสำหรับนักศึกษาคนหนึ่งในตอนนั้น เพราะเรียนจบปุ๊ปก็มีงานทำเลย ไม่ต้องมานั่งหาที่สมัครงานแล้วตระเวนสอบสัมภาษณ์เหมือนกับใครเขา คะแนน TOEIC ที่สอบไว้ก็ยังไม่เคยเอาไปใช้ด้วยซ้ำ และนั่นก็ทำให้ปีสี่ในมหาวิทยาลัยของฉันเป็นปีที่สนุกที่สุด เพราะไม่ได้ห่วงเรื่องเกรดเหมือนเดิมอีกต่อไปแล้ว จากที่เคยเป็นเด็กเรียน เข้าเรียนทุกคาบ นั่งหน้าตลอด ก็เริ่มโดดเรียน สนุกกับ Friday night จากที่เคยทำกิจกรรมมาบ้างแบบประปราย ก็หาทำเพิ่ม ทำงานพาร์ททามติวหนังสือมากกว่าเดิมเพื่อเก็บเงินไว้ไปเที่ยวต่างประเทศด้วยตัวเอง วันที่คนอื่นอ่านหนังสือสอบอย่างแข็งขัน ฉันยังนั่งติวหนังสือให้คนอื่นอยู่เลย   เกียรตินิยมนั้น.. สำคัญแค่ไหน? Art by Palim ถึงจะชิวไปบ้างหรือทำกิจกรรมเยอะแค่ไหน ฉันก็ยังคงตั้งใจเรียนในห้องและอ่านหนังสือสอบจนดึกดื่นอยู่เหมือนเดิม ทำให้ยังเรียนจบด้วยคะแนนเกียรตินิยมอันดับหนึ่งได้ (เพราะบุญเก่าก่อนเซ็นสัญญาแท้ๆ) เป็นสิ่งหนึ่งที่ภูมิใจ แต่ก็เป็นอย่างนั้นได้ไม่นาน เพราะจริงๆ แล้วเกียรตินิยมไม่ได้สำคัญอะไรขนาดนั้น ฉันยังไม่เคยใช้เกรดของตัวเองที่ได้มาไปยื่นสมัครงานที่ไหนเลยด้วยซ้ำ ยิ่งถ้ามองย้อนกลับไปถึงชีวิตมหาวิทยาลัยของตัวเอง ก็จะนึกถึงสิ่งที่ตัวเองทำแล้วได้ประสบการณ์พร้อมความสนุกเสียมากกว่า อย่างตอนที่ทำพาร์ททามในร้านอาหารชั่วโมงละ 30 บาทแถมข้าวเย็นฟรี...

ทริปเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองของเราได้เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายจนได้ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เรายังแวะที่เที่ยวในไอซ์แลนด์ต่างๆ ได้อยู่ เพราะพรุ่งนี้เราต้องตื่นกันแต่เช้าเพื่อจัดการเรื่องคืนรถที่สนามบิน และเตรียมบินกลับไปที่เมืองบูดาเปสด์ ประเทศฮังการี จุดหมายปลายทางที่เราตั้งใจจะไปในวันนี้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวของไอซ์แลนด์ที่อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงเรคยาวิก (Reykjavik) มากนัก นั่นก็คืออุทยานแห่งชาติซิงเควลลิร์ (Thingvellir National Park) โดยระหว่างทางเราแวะที่บ่อน้ำพุร้อนไกเซอร์ (Geysir) และคาเฟ่ในถ้ำที่ชื่อว่า The Cave People เพราะบังเอิญเจอป้ายข้างถนนที่ชวนให้ขับรถตามเข้าไปดู เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง: ไกเซอร์ (Geysir) ฟ้าครึ้มมาเลยวันนี้ พอขับรถมาถึงที่ไกเซอร์ (Geysir) ก็มีฝนตกแบบปรอยๆ คอยต้อนรับเราอีกแล้ว เราเลยต้องเดินฝ่าฝนลงไปสำรวจกัน ที่นี่คนเยอะมาก! โดยเฉพาะตรงบ่อน้ำพุร้อนขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงกลาง คนพากันมุงอยู่รอบๆ ถือกล้องกับมือถือยืนรอถ่ายอะไรสักอย่างกันเต็มไปหมด พวกเราเลยเดินผ่านกันไปก่อนเพราะคนเยอะมากจนไม่มีที่ให้เราแทรกตัวเข้าไปได้ จนไปเจอบ่อน้ำพุร้อนที่อยู่ด้านขวาสุด พร้อมกับป้ายชื่อที่ถูกสลักไว้บนก้อนหินซึ่งเป็นที่มาของชื่อสถานที่แห่งนี้ "Geysir" ข้างๆ มีอีกครอบครัวหนึ่งกำลังยืนแถวบ่อน้ำพุร้อนนี้อยู่เหมือนกัน เรายิ้มในใจเมื่อเห็นว่า พวกเขาพาชายคนหนึ่งที่นั่งบนรถเข็นมาเที่ยวและชื่นชมความน่าทึ่งของธรรมชาติไปกับพวกเขาด้วย แม้ทางเดินอาจจะไม่ได้สะดวกมากนักก็ตาม สักพักเราก็ได้ยินเสียงดังตู้มม! จากตรงที่มีคนมุงดูกันอยู่เยอะๆ นั่นเอง มันคือเสียงของน้ำพุระเบิด! ปรากฏการณ์ธรรมชาติซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่...

ทัวร์ในไอซ์แลนด์มีให้เลือกค่อนข้างหลากหลาย เท่าที่เราเห็นตอนค้นหาข้อมูลก็จะมีทั้งทัวร์พาปีนธารน้ำแข็ง ทัวร์นั่งเรือชมธารน้ำแข็ง ทัวร์ขี่สโนว์โมบิล ทัวร์ชมถ้ำน้ำแข็ง และตอนที่เรามาถึงก็เห็นว่ามีทัวร์ชมแมวน้ำและปลาวาฬด้วย เราอยากจะไปมันให้หมดนี่เลยแต่ติดอยู่ที่งบประมาณนี่แหละ! เราก็เลยเลือกเพียงแค่ทัวร์เดียวเท่านั้นที่คิดว่าน่าจะมีความพิเศษที่สุดนั่นก็คือทัวร์ชมถ้ำน้ำแข็ง ช่วงที่เราไปเที่ยวไอซ์แลนด์เมื่อเดือนกันยายนปีที่แล้ว เป็นช่วงของฤดูใบไม้ผลิที่กำลังย่างเข้าสู่ฤดูหนาวพอดี แต่โชคดีที่ยังมีถ้ำน้ำแข็งแห่งหนึ่งในไอซ์แลนด์ที่สามารถเข้าไปชมได้ตลอดปี ที่นี่มีชื่อว่า Mýrdalsjökull glacier เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง: ทัวร์ถ้ำน้ำแข็งในไอซ์แลนด์ที่ Mýrdalsjökull glacier วันนี้ตื่นมาปุ๊ป เตรียมตัวเสร็จก็รีบออกเดินทางจากเมืองสโกกาฟอสส์ (Skogarfoss) ไปยังเมืองวิก (Vik) ในที่จอดรถใกล้กับร้าน Ice Cave Bistro/Restaurant ซึ่งเป็นจุดนัดหมายก่อนการไปทัวร์ด้วยกันในวันนี้ เวลานัดคือ 11.30 น. พอใกล้ถึงเวลาพวกเราเดินหาจนทั่วที่จอดรถก็ไม่เจอกลุ่มนักท่องเที่ยวหรือรถที่จะพาไปทัวร์เลย จนสักพักมีรถจิ๊บคันนึงขับมาจอดที่หน้าร้านอาหารพร้อมป้าย Arctic Adventure แล้วก็มีชาวไอซ์แลนด์คนนึงเดินลงมาทักทาย เราแอบตื่นเต้นที่ได้เจอคนไอซ์แลนด์และได้พูดคุยด้วยเป็นครั้งแรก (ถ้าไม่นับพนักงานต้อนรับที่โรงแรม) พวกเรามาถึงเป็นคนแรกๆ เลยยังต้องรอนักท่องเที่ยวคนอื่นกัน สักพักก็มีรถอีกคันตามมา ซึ่งเป็นไกด์ของเราในวันนี้ ทั้งสองคนเป็นชายต่างวัย แต่ต่างก็ไว้หนวดไว้เครา ให้เราเดาผู้ชายไอซ์แลนด์ส่วนใหญ่ก็น่าจะไว้หนวดแนวๆ นี้เหมือนกัน เพราะด้วยอากาศหนาวแทบจะตลอดทั้งปีของที่นี่ สักพักพวกเราก็นั่งกันจนเต็มคันรถ...

เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองเดินทางมาถึงวันที่ 5 แล้ว เวลาผ่านไปไวมาก.. แป๊บเดียวเราก็เดินทางกันมาเกินครึ่งทางแล้ว วันนี้ถือได้ว่าเป็นวันที่เราชอบมากที่สุดในทริปเที่ยวไอซ์แลนด์ 7 วันเลยล่ะ เพราะเป็น "Glacier day" วันที่เราได้มีโอกาสเห็นธารน้ำแข็งเป็นครั้งแรกในชีวิต! ตื่นเต้นมาก มันทั้งสวยทั้งยิ่งใหญ่ ต้องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกแบบรัวๆ แถมวันนี้ยังเต็มไปด้วยเซอร์ไพรส์ เจอสถานที่ท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์สวยๆ ระหว่างทางนอกเหนือจากแพลนที่วางไว้ตอนหาข้อมูลอีกแล้ว และวันนี้ก็มีมากเป็นพิเศษ เราเดินทางจากเมืองวาเกสสตาเดียร์ (Vagnsstadir) มุ่งหน้าไปยังเมืองสโกกาฟอสส์ (Skogarfoss) จอดแวะที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่แรกคือเกลเซียร์ ลากูน (glacier lagoon) และหาดไดมอนด์บีช (Diamond beach) ปิดท้ายด้วยอุทยานแห่งชาติสกาฟทาเฟล (Skaftafell National Park) ในช่วงเย็น เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง: เกลเซียร์ ลากูน (glacier lagoon) ที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่แรกสำหรับวันนี้คือเกลเซียร์ ลากูน (glacier lagoon) ขับรถออกมาจากที่พักในเมือง Vagnsstadir แค่ประมาณ...

เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองวันที่สี่นี้ เราวางแผนไว้ว่าต้องออกเดินทางจากเมืองเอกิลสตาเดียร์ (Egilsstadir) ไปที่เมืองวาเกสสตาเดียร์ (Vagnsstadir) ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงด้วยกัน แต่ก่อนจะออกเดินทางจริงๆ เรามานั่งคุยกันเพื่อตัดสินใจอีกครั้งว่าจะขับรถขึ้นไปแวะเที่ยวที่ Borgarfjardarhöfn ในวันนี้กันดีไหมเพราะต้องขับรถย้อนกลับขึ้นไปอีกทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ จริงๆ แล้วเราวางแผนไว้ว่าจะไปตั้งแต่เมื่อวานแต่ก็ค่ำซะก่อนเพราะแวะกันที่อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull National Park) ระหว่างทางเข้าโดยบังเอิญ เราอยากไปที่นั่นมากๆ เพื่อไปดูนกพัฟฟิน (Puffin) ส่วนแฟนยังลังเลเพราะต้องขับรถย้อนกลับไปไกลโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะได้เจอแน่ๆ รึเปล่า จนแฟนถามว่าอยากไปจริงๆ ใช่ไหม เราก็ยืนยันว่าใช่ จนสุดท้ายก็พากันขับรถมุ่งหน้าไปยัง Borgarfjardarhöfn ในที่สุด เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง: Borgarfjardarhöfn เราได้ยินชื่อและเห็นหน้าตาน่ารักของเจ้านกพัฟฟินครั้งแรกจากบล็อกเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง เมื่อ Walter Mitty บอกฉันให้หนีจากไทยไปผจญภัยที่ไอซ์แลนด์ ใน a day magazine ออนไลน์ พวกเค้าโชคดีได้เห็นนกพัฟฟินโดยบังเอิญ ทำให้เราอยากไปตามล่าหานกพัฟฟินในไอซ์แลนด์ดูบ้างถ้ามีโอกาส เพราะตอนอยู่ไทยเราชอบดูนกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ลองค้นหาที่ดูพัฟฟินในไอซ์แลนด์ก็เจอแต่แบบที่ต้องไปกับทัวร์...

เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองวันที่สาม เราออกเดินทางจากเมืองอาร์บอท (Arbot) ไปยังเมืองเอกิลสตาเดียร์ (Egilsstadir) ตื่นมาก็กินคอนเฟลกตอนเช้าให้พออิ่มท้อง แพ็คกระเป๋ากันอีกวันจนเสร็จเรียบร้อยก็ออกเดินทางได้ วันนี้เราจะไปที่เที่ยวไอซ์แลนด์อีกแห่งที่ไม่ควรพลาดนั่นก็คือน้ำตกเดตตี้ฟอสส์ (Dettifoss waterfall) แม้ในไอซ์แลนด์จะมีน้ำตกมากมายหลายแห่งแต่น้ำตก Dettifoss ควรถูกเพิ่มไว้ในรายชื่อสถานที่ท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ที่น่าไป เพราะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้ำตกที่เป็นทรงพลังมากที่สุดในยุโรป! เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง: อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull National Park) แต่ก่อนจะไปถึงจุดหมายที่ตั้งใจไว้ ระหว่างทางเราเจอป้ายบอกทางไปยังอุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull National Park) พอดี เราก็เลยตัดสินใจแวะเข้าไปดูภายในอุทยานกันเพราะยังไงวันนี้ก็มีเวลาเหลือเฟือ แม้เราแพลนไว้ว่าจะมาเที่ยวที่อุทยานแห่งชาติแห่งนี้ในอีกสองวันข้างหน้าก็ตาม เคยดูในแผนที่แล้วเห็นว่าอุทยานวัทนาโจกุลมีขนาดใหญ่มาก เกือบ 1 ใน 4 ของประเทศเลยก็ว่าได้ มาเจอทางเข้าแบบบังเอิญทั้งทีก็เลยหยุดแวะกันซะหน่อย ขับรถกันเข้ามาจนถึงจุดต้อนรับนักท่องเที่ยว ด้านหน้ามีป้ายแนะนำเส้นทางเดินป่าภายในอุทยาน Vatnajökull ให้ดูซึ่งมีอยู่หลายเส้นทางด้วยกัน ใช้เวลาตั้งแต่ 1.5 - 2 ชั่วโมงไปจนถึง 6 - 7 ชั่วโมง เราสายขี้เกียจเลยบอกแฟนว่าเลือกเดินเส้นทางที่สั้นที่สุดกัน!...

จุดหมายในเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองวันที่สองของเราคือเมืองอาร์บอท (Arbot) ซึ่งห่างจากเมืองอาคูเรย์รี่ (Akureyri) แค่ประมาณ 60 กว่ากิโลเมตรเท่านั้น ใกล้กว่าเส้นทางในวันแรกหลายเท่า! วันนี้คนที่ขับรถก็เลยขับได้แบบสบายๆ ถึงระยะทางจะใกล้แต่ระหว่างทางมีสถานที่ท่องเที่ยวในไอซ์แลนด์ให้แวะเยอะมาก และที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่เราแวะกันที่แรกก็คือน้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss waterfall) ขับไปตามถนนเส้นหลักออกจากโรงแรม Akureyri H.I. Hostel แค่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ถึง สังเกตได้เลยว่าเป็นจุดแวะเที่ยวเพราะเห็นรถจอดอยู่เต็มไปหมด เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง: น้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss waterfall) น้ำตกโกดาฟอสส์ (Godafoss waterfall) แปลเป็นไทยได้ว่า "น้ำตกของพระเจ้า" ชื่อนี้มีที่มาที่น่าสนใจ สมัยก่อนคนที่นี่ส่วนใหญ่เป็นชาวนอร์วีเจียนที่นับถือศาสนานอร์ส (Norse religion) บูชาเทพอย่าง Thor, Odin, Loki และ Freya จนกระทั่งในปี ค.ศ. 930 ที่ไอซ์แลนด์มีการจัดตั้งเป็นเครือรัฐขึ้นมา ก็เกิดแรงกดดันให้ผู้คนที่นี่ต้องหันมานับถือศาสนาคริสต์แทน เพราะไม่อย่างนั้นอาจถูกรุกรานจากคนในฝั่งยุโรปได้ ซิงเควลลิร์ (Þingvellir) เป็นที่ที่มีการพบปะกันของตัวแทนในสภาปีละครั้ง โดยผู้ที่เป็นผู้รักษากฎในตอนนั้นจะต้องทำหน้าที่ในการตัดสินใจ...