Travel

คริสเทเนีย (Christiania) เป็นชื่อของชุมชนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงโคเพนเฮเกน (Copenhagen) เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก (Denmark) ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกในปี 2019 ที่เพิ่งผ่านมานี้ เราได้ยินชื่อของที่นี่ครั้งแรกจากรายการโปรดอย่างรายการพื้นที่ชีวิต (Life Explorer) ในตอน คริสเทเนีย วิถีเสรีชน ที่ได้เล่าเรื่องราวของสถานที่ ผู้คน และวิถีชีวิตของพวกเขาในชุมชนอิสระแห่งนี้ไว้ได้อย่างน่าสนใจ ที่ๆให้ความสำคัญอย่างมากต่อ "อิสรภาพ" ในการใช้ชีวิต ทางเข้าคริสเทเนียจากบริเวณด้านหลัง ใกล้กับทะเลสาบ คำพูดนึงของคุณเอเมอร์ริค ชาวคริสเทเนียคนนึงที่เราได้ฟังจากวิดีโอตอนนั้นที่เราชอบมาก นั่นก็คือ "ผมไม่เห็นด้วยกับการยึดถือครอบครอง อากาศ น้ำ และผืนแผ่นดิน นั่นเป็นแนวคิดที่ผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง การที่ใครก็ตามถือสิทธิ์เป็นเจ้าของแผ่นดินผืนนี้ ผืนนั้น เป็นเรื่องที่แย่มาก และผมเห็นว่าระบบที่ธุรกิจการค้า การตลาดกำลังเป็นพระเจ้าดังที่เป็นอยู่ในสังคมตะวันตก เป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง และสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ทำลายเราทั้งหมดในที่สุด เพราะเรากำลังวัดทุกอย่างด้วยเงิน ถ้าเราวัดสิ่งต่างๆด้วยเงิน เราก็จะปิดโอกาสของหัวใจ เราควรจะวัดความสำเร็จของกิจกรรมต่างๆโดยดูว่าสิ่งนั้นมันดีกับชุมชน สังคม หรือช่วยทำให้โลกใบนี้อยู่รอดปลอดภัยมากขึ้นไหม ปัจจุบันเงินส่วนใหญ่มาจากการขุดเจาะผืนดิน สูบเอาน้ำมัน เอาน้ำ...

กำแพงเลนนอน (Lennon Wall) วันต่อๆมา เราเข้ามาในตัวเมืองของปรากอีกครั้งแล้วพากันตรงดิ่งมาที่ กำแพงเลนนอน (Lennon Wall) ก่อนเป็นที่แรก ซึ่งเป็นที่ๆมีสตรีทอาร์ตที่ได้แรงบันดาลใจมาจากจอหน์ เลนนอน (John Lennon) ศิลปินชื่อดังจากวง The Beatle มาตั้งแต่ปี 1980 เป็นที่รู้จักกันดีว่านักร้องคนนี้ไม่ใช่แค่มีแต่เพลงดังเท่านั้น แต่ยังเป็นเพลงที่มีความหมายดีและสื่อถึงสันติภาพอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเวียดนามในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่อย่างเพลง Imagine เพลงฮิตตลอดกาลที่เคยพูดถึงอยู่หลายครั้งในบล็อกเพราะเป็นอีกหนึ่งเพลงโปรดของเรา :) ประตูทางเข้า ด้านในมีร้านขายงานอาร์ตและสวนเล็กๆตั้งอยู่ กลุ่มคนกำลังเล่นโยคะกันใต้ต้นไม้ใหญ่ บริเวณสวนภายในมีคนกำลังนั่งเล่นและกลุ่มคนกำลังเล่นโยคะกันใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่ด้วย ชิวจัง พี่ชอบ เราเดินเข้าไปดูร้านขายของอาร์ตเสร็จแล้ว เดินออกมา อยู่ๆดีๆก็จามขึ้นมาเฉย จนฝรั่งคนนึงที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนกับแฟนของเขาบอกเรากลับมาให้ได้ยินพร้อมกับรอยยิ้มว่า "Bless You" เราก็หัวเราะแล้วก็ตอบกลับไปว่า "Thank you" แล้วรีบเดินออกมาเพราะแอบอายเล็กน้อย หวังว่าจะไม่เป็นการทำลายสมาธิของคนที่กำลังเล่นโยคะกันอย่างตั้งใจ ฮ่าๆ แอบเห็นป้ายราคาสอนโยคะประมาณ 1.15 หรือ 1.30 ชั่วโมงในราคาเพียง 5 ยูโรเท่านั้น...

จตุรัสเมืองเก่าของปราก (Old Town Square, Prague) หลับสบายอยู่ในสวนได้ไม่นานก็ต้องปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมา เพราะปรากยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่น่าสนใจรอเราอยู่ กลับเข้ามาในใจกลางเมืองปรากกันอีกครั้ง นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างความทัวร์ริสตี้ของปราก มีเหล่าสารพัดหมีมาคอยสร้างสีสันให้กับนักท่องเที่ยวที่จัตุรัสเมืองเก่าของปราก (Old Town Square, Prague) เดินไปมาทั่วจริงๆ ไม่ว่าจะโซนของเมืองเก่าหรือโซนของเมืองใหม่ก็ตาม เห็นแล้วก็ทำให้ยิ้มได้นะ ขำๆดี เด็กๆก็คงจะชอบกันมาก หรือจะเป็นคนทาสีตัวเองทั้งตัวแล้วทำเหมือนว่าตัวเองเป็นรูปปั้นอย่างในภาพ นักท่องเที่ยวคนไหนอยากเข้าไปถ่ายรูปหรือชื่นชอบก็ช่วยหย่อนเงินเล็กน้อยๆให้ได้ แต่เราแทบจะไม่เคยเสียเงินให้กับอะไรแบบนี้เลย เพราะด้วยความงกของพี่ที่มีมันรั้งพี่เอาไว้ ฮ่าๆ พิกัด/แผนที่จตุรัสเมืองเก่าของปราก (Old Town Square, Prague): จัตุรัสเมืองเก่าของปราก (Old Town Square, Prague) Google Map โบสถ์ที่อยู่ด้านหลังตั้งเด่นอยู่เลยก็คือโบสถ์ที่มีชื่อว่า Church of Our Lady before Týn ซึ่งเป็นศิลปะแบบโกธิค เป็นโบสถ์มีความสำคัญกับปรากมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ภายนอกจะสังเกตเห็นทองลักษณะกลมอยู่ตรงกลางด้านบนซึ่งเป็นรูปของพระแม่มารี ใครอยากแวะเข้าไปดูข้างใน...

เดินเล่นชิวๆในตัวเมืองปราก อย่างกะตรอกไดแอกอน สวีทจัง ตึกเก่าสวยๆเต็มไปหมด ต่อไปเรามาดูภาพบรรยากาศในใจกลางเมืองปราก (Prague) กันบ้างดีกว่าค่ะ บอกเลยว่าปราก (Prague) เป็นอีกเมืองหนึ่งที่สวยมาก เป็นหนึ่งในเมืองที่เราชอบที่สุดในทริปยุโรปครั้งนี้เลย ที่นี่เต็มไปด้วยตึกเก่าที่มีสีสันสวยงาม บางตึกถูกเพ้นท์ภาพสวยๆลงบนตัวตึกแทบทั้งหลังดึงดูดให้เราแหงนไปมองความสวยงามนั้นอยู่บ่อยๆ มีรถรางวิ่งผ่านเมืองให้บรรยากาศของเมืองเก่า สามารถเดินดูนู่นนี่ทั่วใจกลางเมืองได้แบบไม่มีเบื่อเลย ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใกล้ที่สุดกับแลนมาร์คของเมืองปราก (Prague) อย่างสะพานชาลส์ (Charles Bridge) ก็คือสถานี Staroměstská (Staroměstská Google Map) หรือสถานี Malostranská (Malostranská Google Map) ค่ะ แล้วเดินต่ออีกแค่ 9 - 12 นาทีถึง สะพานชาลส์ (Charles Bridge) สะพานชาลส์ (Charles Bridge) ชิวจังคุณลุง รูปปั้นของจักรพรรดิคาร์ลที่ 4 (Charles IV Statue in Prague) ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานชาลส์ (Charles Bridge) ถึงแล้ว...

นั่งรถไฟจะไปปราก (Prague) นั่งรถไฟจะไปปราก ตดดังป๊าดถึงเดรสเดน.. เรานั่งรถไฟจากเมืองไลพ์ซิก (Leipzig) ประเทศเยอรมัน (Germany) มาทางตะวันออกเพื่อไปยังเมืองปราก (Prague) ประเทศสาธารณะรัฐเช็ก (Czech Republic) เป็นเวลาทั้งหมด 6 ชั่วโมง โดยต้องแวะเปลี่ยนขบวนรถไฟที่เมืองเดรสเดน (Dresden) ด้วย หากใครที่ต้องการเดินทางจากเมืองในประเทศเยอรมันไปที่ปรากเหมือนกัน สามารถจองตั๋วรถไฟออนไลน์ได้ที่เว็บไซต์จองตั๋วรถไฟของเยอรมันที่นี่เลยค่ะ www.bahn.com ยิ่งจองก่อนล่วงหน้านานเท่าไหร่ก็ยิ่งถูกกว่า ! รถไฟที่เรานั่งเป็นของสาธารณะรัฐเช็ก สะดวกสบายมาก ที่นั่งแบ่งออกเป็นห้องๆ จินตนาการไปว่าเหมือนรถไฟฮอกวอร์ตเลย ไพรเวทสุด แถมมี wifi บนรถไฟให้บริการอีกต่างหาก ขนาดรถไฟของเยอรมันเองเขายังไม่มีเลย นั่งรถไฟจากไลพ์ซิก (Leipzig) ไปปราก (Prague) เว็บไซต์จองตั๋วรถไฟออนไลน์ในยุโรปคือ www.bahn.com ตั๋วรถไฟจากไลพ์ซิก (Leipzig) ไปปราก (Prague) สำหรับ 2 คน ราคาตั๋วรถไฟจากไลพ์ซิก (Leipzig) ไปปราก (Prague) สำหรับ...

เที่ยวเมืองเดรสเดน (Dresden) ใน 1 วัน เดรสเดน (Dresden) เป็นเมืองในประเทศเยอรมันที่ถูกทำลายอย่างหนักจากระเบิดของกองทัพอากาศอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พอๆกับเมืองโคโลญจน์ (cologne) แต่ผู้คนในเมืองร่วมด้วยช่วยกันทำให้เมืองนี้ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เดรสเดนที่เราเห็นในวันนี้จึงกลายเป็นเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย มีร้านขายของที่ระลึกที่ขายของตกแต่งสำหรับเทศกาลคริสต์มาสน่ารักๆกันตั้งแต่เดือนสิงหาคม มีตึกสวยรายล้อมอยู่หลายหลัง และมีโบสถ์ที่สวยงามและขนาดใหญ่มากตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลางเมืองเปรียบเหมือนกับหัวใจของเมืองนี้ นั่นก็คือโบสถ์แม่พระเดรสเดิน (Dresden Frauenkirche, เดรสเดินเฟราเอินเคียร์เชอ) เป้าหมายที่เราตั้งใจมากันในวันนี้นั่นเอง ภาพตรงหน้าที่ได้เห็นในตอนนี้ลบภาพความจริงที่เคยเกิดขึ้นไปเลยว่า โบสถ์หลังนี้เคยถูกระเบิดพังจนแทบไม่เหลือชิ้นดีมาก่อน โบสถ์แม่พระเดรสเดน (Dresden Frauenkirche) ในปัจจุบัน August 2019 โบสถ์แม่พระเดรสเดน (Dresden Frauenkirche) ที่ถูกทำลายอย่างหนัก ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บนโปสต์การ์ดในร้านขายของที่ระลึกในเมืองเดรสเดน วันนี้เรามาเที่ยวเมืองเดรสเดน (Dresden) เป็นเวลา 1 วันกับครอบครัวของพี่สาวแฟนกัน โดยขับรถมาจากเมืองไลพ์ซิก (Leipzig) ซึ่งเดรสเดน (Dresden) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในรัฐแซกโซนี รองมาจากเมืองไลพ์ซิก...

เที่ยวไลพ์ซิกด้วยตัวเอง: บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก ที่พักอาศัยของคนไลพ์ซิกในประเทศเยอรมันส่วนใหญ่จะเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่มีขนาดเล็กและใหญ่ต่างกันออกไป ซึ่งภายในอพาร์ทเม้นท์นั้นจะถูกแบ่งออกอย่างเป็นสัดส่วน มีทั้งห้องนอน ประมาณ 2-3 ห้อง ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว โต๊ะกินข้าว และมีส่วนของบาร์โคนี่ด้านนอกอยู่ด้วย ซึ่งเป็นบริเวณที่คนเยอรมันเค้าเอาไว้นั่งสังสรรค์กับเพื่อนๆหรือครอบครัวเวลาพวกเขามาเยี่ยมที่บ้าน ดื่มเบียร์กันตามประสาคนเยอรมันพร้อมทั้งปิ้งบาร์บีคิวอร่อยๆกินกันไปด้วย ด้วยการที่ลักษณะของที่พักอาศัยถูกเปลี่ยนจากบ้านมาเป็นอพาร์ทเม้นท์แทนเพราะมีประชากรในพื้นที่ในไลพ์ซิกเยอะมากขึ้น ก็เลยเกิดพื้นที่ของบ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิกอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วเมือง ซึ่งเกิดจากการปล่อยให้เช่าพื้นที่เพื่อสร้างสวนของตัวเองขึ้นมาได้ในราคาถูกมากประมาณ 240 ยูโร (8,000 บาท) ต่อปีเท่านั้น หรือราคาถูกกว่านี้ก็มี ใครไปเที่ยวที่เมืองนี้อาจจะสังเกตเห็นสวนต่างๆในพื้นที่กว้างแบบนี้อยู่หลายแห่งตอนนั่งรถไฟหรือเวลาเดินผ่านตามตรอกซอกซอยต่างๆของโซนที่อยู่อาศัยของคนที่นี่ พื้นที่สวนแบบนี้ถูกทำขึ้นมาจากกลุ่มคนที่รวมตัวกันจัดตั้งองค์กรให้เช่าพื้นที่ทำสวนเพื่อทำให้ในเมืองยังคงมีพื้นที่สีเขียวแบบนี้อยู่ พร้อมตอบสนองความต้องการของคนไลพ์ซิกที่ยังอยากมีสวนเล็กๆเป็นของตัวเองไว้ปลูกดอกไม้ ต้นไม้ และพืชผักผลไม้ที่ตัวเองต้องการได้ แม้จะไม่มีบ้านเป็นหลังๆก็ยังสามารถมีพื้นที่สวนแบบนี้ไว้สร้างบ้านไม้หลังเล็กๆไว้เก็บอุปกรณ์ทำสวน มีพื้นที่สำหรับตั้งโต๊ะบาร์บีคิวไว้สังสรรค์กับเพื่อนและครอบครัวในช่วงซัมเมอร์ได้ด้วย เราว่าเป็นความคิดที่ดีมากๆ ทำให้ไลพ์ซิกเป็นเมืองไม่ได้มีแต่ตึกอพาร์ทเม้นท์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเมืองที่น่าอยู่ เพราะมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่แบบนี้อยู่ทั่วเมืองมากกว่า 50 แห่ง ! เที่ยวไลพ์ซิกด้วยตัวเอง: วัฒนธรรมการกินของคนเยอรมัน เราเคยเล่าเกี่ยวกับอาหารเช้าของคนยุโรปไว้ใน แชร์ประสบการณ์ใช้ชีวิต 1 อาทิตย์ในบ้านคนดัตช์ ซึ่งอาหารเช้าของทั้งคนดัตช์และคนเยอรมันเองก็ไม่ได้ต่างกันเลยค่ะ แต่ละบ้านจะมีเครื่องชงกาแฟอย่างดีติดบ้านไว้เพราะคนยุโรปเขาชอบดื่มกาแฟกันมาก วันๆนึงดื่มกันหลายแก้วเลยทั้งเช้า กลางวัน เย็น...

Schulanfang เป็นภาษาเยอรมัน แปลว่า Back to school ซึ่งเป็นชื่อเรียกของวันแรกที่เด็กๆจะต้องเข้าเรียนเกรด 1 หรือราวๆ ประถมศึกษาปีที่ 1 ในไทย เมื่อเด็กมีอายุประมาณ 6-7 ปี หากนึกถึงการเข้าโรงเรียนวันแรกแล้ว เราคงนึกภาพได้ยินเสียงของเด็กร้องไห้ หรือหน้าตาของเด็กๆที่ไม่มีความสุขในการไปโรงเรียนกันของเด็กๆเป็นแถวเลยใช่ไหมล่ะค่ะ แต่ที่ประเทศเยอรมันไม่ใช่ ! เพราะที่นี่มีธรรมเนียมหนึ่งที่น่าสนใจมากที่ทำให้เรื่องของการเข้าโรงเรียนวันแรกกลายเป็นเรื่องที่น่ายินดี ! Schultueten Baum (Schoolcone tree) ต้นไม้แขวนกรวย ให้เด็กๆไปสอยเอากรวยของตัวเองที่มีป้ายชื่อตัวเองแปะอยู่ โดยก่อนหน้าวันที่ต้องเริ่มเรียนจริงๆ ช่วงเช้าเด็กนักเรียนและพ่อแม่จะไปที่โรงเรียนด้วยกันเพื่อทำความรู้จักโรงเรียน คุณครู เพื่อนร่วมคลาส และปาร์ตี้ ! จะยังไม่มีการเรียนการสอนเกิดขึ้นเลยทันทีในวันแรก พ่อกับแม่จะเตรียมของขวัญให้เป็น Schultüte ซึ่งก็คือห่อของขวัญรูปกรวยที่มีสีสันสดใสหรือลวดลายต่างๆ หาซื้อได้ตามร้านขายเครื่องเขียนหรือซูเปอร์มาร์เก็ตทั่วไป มาใส่ขนมหวานๆ ลูกอม ช็อกโกแลตที่เด็กๆชอบเข้าไปจนเต็ม เพื่อเป็นของขวัญแสดงความยินดีในการเข้าเรียนวันแรกของพวกเค้าในช่วงเดือนสิงหาคมของทุกปี เด็กเยอรมันจะต้องมีรูปคู่ถ่ายกับ Schultüte กันแทบทุกคนเพราะธรรมเนียมนี้มีมายาวนานตั้งแต่ปี 1810...

เที่ยวไลพ์ซิก (Leipzig) ด้วยตัวเอง: สวนสาธารณะในไลพ์ซิก (Leipzig), Johanna Park ไลพ์ซิก (Leipzig) เป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐแซกโซนี (Saxony) ประเทศเยอรมันค่ะ เพิ่งเป็นเมืองที่ได้รับรางวัลเป็นที่สุดของเมืองในยุโรปจาก Urbanism Awards 2019 มาหมาดๆเลย โดยชนะเมืองนองต์ ประเทศฝรั่งเศส และเมืองซูริก ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ซะอีก ! จากตอนแรกที่เราเคยเล่าประสบการณ์พายเรือแคนูในคลองเมืองไลพ์ซิก เอาไว้ ก็จะเห็นได้ว่าไลพ์ซิกเป็นเมืองที่มีธรรมชาติโอบล้อมทำให้เป็นเมืองที่น่าอยู่มากเลย แถมยังมีสวนสัตว์ไลพ์ซิก (Zoo Leipzig) ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นสวนสัตว์ที่ดีที่สุดในยุโรปด้วย อีกสิ่งที่น่าสนใจของเมืองนี้คือเรื่องราวประวัติศาสตร์ค่ะ เพราะที่นี่เคยเป็นเมืองที่นโปเลียนเคยมาตั้งฐานทัพเพื่อส่งกองกำลังเข้าไปยึดยุโรปในสมัยที่สเปนต้องการจะยึดครองหลายประเทศในยุโรปอย่างเด็ดขาด ทำให้ที่นี่เป็นที่ๆเคยตกอยู่ในสมรภูมิรบอย่างหนักหน่วงมาก่อน แต่ด้วยความร่วมมือกันของกองทัพกษัตริย์และผู้ปกครองยุโรปก็สามารถเอาชัยชนะจากนโปเลียนได้ในที่สุดที่เมืองนี้เป็นที่แรก ทำให้ประเทศในยุโรปได้กลับมาเป็นอิสระอีกครั้ง แต่นั่นก็เป็นเรื่องของเมื่อ 200 ปีที่แล้ว.. สวนสาธารณะในไลพ์ซิก (Leipzig), Johanna Park ต่อมาในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2.. ไลพ์ซิกยังเป็นเมืองที่มีบทบาทอย่างมากในการประท้วงเพื่อเรียกร้องอิสรภาพในการเดินทางตอนที่กำแพงเบอร์ลินยังแบ่งกั้นระหว่างเยอรมันตะวันตกและตะวันออกทำให้คนไลพ์ซิกที่อยู่ในฝั่งตะวันออกไม่มีอิสรภาพตรงนี้และเลือกที่จะเสี่ยงตายเพื่อให้ได้มันมา ก่อนหน้าที่กำแพงเบอร์ลินจะถูกทำลายลงไม่นานในปี 1989 มีคนมาร่วมประท้วงบนท้องถนนในเมืองไลพ์ซิกทุกๆวันจันทร์ จำนวนมากสุดถึง...

เที่ยวไลพ์ซิกด้วยตัวเอง: เที่ยวสวนสัตว์ไลพ์ซิก (Zoo Leipzig) ตอนแรกที่เราโดนชวนไปเที่ยวสวนสัตว์ไลพ์ซิก (Zoo Leipzig) ตอนที่อยู่เยอรมันก็เฉยๆมาก หากย้อนไปซัก 10 กว่าปีที่แล้ว ตอนที่ยังคงเป็นเด็กอยู่ก็อาจจะตื่นเต้นกว่านี้ แต่แฟนบอกว่าที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นสวนสัตว์ที่ดีที่สุดเป็นอันดับต้นๆของยุโรปเชียวนะ ! ได้ฟังแบบนี้แล้วก็ค่อยน่าสนใจขึ้นมาหน่อย อยากรู้เหมือนกันว่าสวนสัตว์ที่เค้าว่าดีเป็นแบบไหนกัน มาลองคิดดูดีๆ เราเคยไปแต่สวนสัตว์ในไทยเท่านั้น น้อยครั้งแบบนับได้เลย อย่างที่เป็นที่รู้จักกันดีอย่างสวนสัตว์ดุสิต ซาฟารีเวิลด์ สวนสัตว์เปิดเขาเขียว และสวนสัตว์นครราชสีมาที่ไปมาก็เมื่อนมนานมาแล้ว แถมเป็นกิจกรรมที่ดีสำหรับเด็กๆด้วย เพราะวันนี้เราจะไปเที่ยวกับพี่สาวของแฟนและลูกๆของเธอกัน พอได้ไปสัมผัสด้วยตัวเองดูแล้ว ก็สมแล้วล่ะที่สวนสัตว์แห่งนี้จะขึ้นชื่อว่าเป็นหนึ่งในสวนสัตว์ที่ดีที่สุดในยุโรป เรามองว่าที่นี่เป็นมากกว่าสวนสัตว์ เป็นเหมือนสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่สำหรับเด็ก และเป็นสถานที่ที่เหมาะมากสำหรับการใช้เวลาด้วยกันภายในครอบครัว ยิ่งพาเด็กๆมาเที่ยวด้วยแล้ว พวกเค้าจะต้องชอบสวนสัตว์แห่งนี้อย่างแน่นอน :) ประตูทางเข้าสวนสัตว์ไลพ์ซิก (Zoo Leipzig) เคาน์เตอร์ซื้อตั๋วจะอยู่บริเวณซ้ายมือเมื่อเดินผ่านประตูทางเข้าสวนสัตว์ไลพ์ซิก (Zoo Leipzig) มา ราคาค่าตั๋วเข้าสวนสัตว์ไลพ์ซิก (Zoo Leipzig): ช่วงหน้าร้อน 21 มีนาคม - 31 ตุลาคม:...