รีวิวเที่ยวปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) ตอนที่ 2: สะพานชาลส์ (Charles Bridge) และ ปราสาทปราก (Prague Castle)

รีวิวเที่ยวปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) ตอนที่ 2: สะพานชาลส์ (Charles Bridge) และ ปราสาทปราก (Prague Castle)

เดินเล่นชิวๆในตัวเมืองปราก

อย่างกะตรอกไดแอกอน

สวีทจัง

ตึกเก่าสวยๆเต็มไปหมด

ต่อไปเรามาดูภาพบรรยากาศในใจกลางเมืองปราก (Prague) กันบ้างดีกว่าค่ะ บอกเลยว่าปราก (Prague) เป็นอีกเมืองหนึ่งที่สวยมาก เป็นหนึ่งในเมืองที่เราชอบที่สุดในทริปยุโรปครั้งนี้เลย ที่นี่เต็มไปด้วยตึกเก่าที่มีสีสันสวยงาม บางตึกถูกเพ้นท์ภาพสวยๆลงบนตัวตึกแทบทั้งหลังดึงดูดให้เราแหงนไปมองความสวยงามนั้นอยู่บ่อยๆ มีรถรางวิ่งผ่านเมืองให้บรรยากาศของเมืองเก่า สามารถเดินดูนู่นนี่ทั่วใจกลางเมืองได้แบบไม่มีเบื่อเลย ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใกล้ที่สุดกับแลนมาร์คของเมืองปราก (Prague) อย่างสะพานชาลส์ (Charles Bridge) ก็คือสถานี Staroměstská (Staroměstská Google Map) หรือสถานี Malostranská (Malostranská Google Map) ค่ะ แล้วเดินต่ออีกแค่ 9 – 12 นาทีถึง

สะพานชาลส์ (Charles Bridge)

สะพานชาลส์ (Charles Bridge)

ชิวจังคุณลุง

รูปปั้นของจักรพรรดิคาร์ลที่ 4 (Charles IV Statue in Prague) ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานชาลส์ (Charles Bridge)

ถึงแล้ว ! รู้ได้จากการเห็นหอคอยของสะพานที่มีขนาดใหญ่มาก และจำนวนนักท่องเที่ยวโดยรอบที่แห่แหนกันเข้ามาเยอะมากแบบนับไม่ถ้วน สะพานชาลส์ (Charles Bridge) เป็นสะพานข้ามแม่น้ำวัลตาวา (Vltava river) สร้างมาตั้งแต่ปี 1357 ! โดยจักรพรรดิคาร์ลที่ 4 (Charles IV) กว่าจะเสร็จก็ปาเข้าไปช่วงต้นศตวรรษที่ 15 แล้ว ตอนเดินเล่นบนสะพานก็จะสังเกตได้ว่ามีรูปปั้นของเหล่านักบุญ (Saints) แบบบาร็อคสไตล์ (ฺBaroque style) ประดับอยู่มากมายกว่า 30 ชิ้น ซึ่งเราเพิ่งมารู้ทีหลังว่าทั้งหมดนี้เป็นเพียงแค่แบบจำลองทั้งหมดตั้งแต่ปี 1965 แล้ว ของจริงถูกรักษาและจัดแสดงไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งชาติของสาธารณะเช็ก (Lapidary of the National Museum Google Map) แทน แต่เราไม่ใช่สายพิพิธภัณฑ์ก็เลยไม่ได้เข้าไป เพราะแค่ได้มาเดินอยู่บนสะพานประวัติศาสตร์นี้ พี่ก็ฟินมากแล้ว !

สะพานชาลส์ (Charles Bridge ) มีรูปปั้นของเหล่านักบุญ (Saints) กว่า 30 ชิ้น

แม่น้ำวัลตาวา (Vltava river) มองไปจะเห็นสะพานอีกแห่งที่รถวิ่งผ่าน

ร้านขายของฝากบนสะพานชาลส์ (Charles Bridge) พวกภาพวาด แม่เหล็กติดตู้เย็น และเครื่องประดับอย่างข้อมือ สร้อยคอ

ตอนเราเดินไปถึงสะพานครั้งแรกก็เจอกลุ่มคนจำนวนนึงกำลังยืนร้องเพลงด้วยกันที่ทางเข้าสะพาน แน่นอนว่าเหล่านักท่องเที่ยวก็หยุดยืนดูพวกเค้า เราเองก็เป็นหนึ่งในนั้น แปลกดีที่นักท่องเที่ยวในปรากเยอะมาก โดยเฉพาะที่เดินไปมาบนสะพาน (คนจีนก็เยอะมากเช่นกัน) แต่เรากลับชอบการเดินผ่านสะพานแห่งนี้ เดินผ่านไปมาบนสะพานแห่งนี้บ่อยมากทั้งกลางวัน เย็น และกลางคืนทั้ง 3 วันที่มาที่นี่แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่อเลย อาจจะเป็นเพราะว่ามองไปทางไหนของปรากจากสะพานก็สวยไปหมด นักท่องเที่ยวต่างพากันถ่ายรูปคู่กับมุมโปรดไว้เป็นที่ระลึก มองไปที่แม่น้ำก็จะมีเรือกำลังล่องพานักท่องเที่ยวชมวิวอยู่

อ่ะ ถ่ายรูปคู่สะพานสู้แดดซะหน่อย

ร้อนอยู่นะ ปลายเดือนสิงหาคมที่ปราก แต่ก็เทียบกับกรุงเทพไม่ได้หรอก ยังเดินไปไหนมาไหนได้แบบชิวๆ เหงื่อไม่ออกอยู่ สีทองๆบนรูปปั้นด้านหลังเค้าบอกว่าแตะแล้วจะโชคดี เราก็เลยต่อแถวไปแตะกับเค้าบ้าง

บรรยากาศบนสะพานค่อนข้างครึกครื้น ร้านขายของที่ระลึกเพียบไม่ว่าจะเป็นภาพวาด แม่เหล็กติดตู้เย็น และเครื่องประดับต่างๆ มีนักดนตรีเล่นเพลงสดให้ฟังอยู่หลายกลุ่มบนสะพาน ตกเย็นได้ยินนักดนตรีกลุ่มนึงเล่นเพลงจากซีรีย์ Game of Thrones เราเลยรีบหย่อนเหรียญให้เลยเพราะถูกใจเจ้ ฮ่าๆ บนสะพานจะมีรูปปั้นอยู่ 2 ชิ้นที่เราสังเกตเห็นคนต่อแถวเข้าไปลูบๆคลำๆเพราะเค้าบอกว่าจะโชคดี เราก็ไม่รู้หรอกว่าเค้าไหน แต่แฟนบอกและเห็นคนทำกันก็เลยไปต่อแถวลูบๆคลำๆกับเค้าบ้างเผื่อจะโชคดี 🙂 แต่การได้มาสัมผัสความสวยงามของปรากของเราในวันนั้น เราก็ถือว่าโชคดีแล้วล่ะ

พิกัด/แผนที่สะพานชาลส์ (Charles Bridge): สะพานชาลส์ (Charles Bridge) Google Map

เห็นวิวแบบนี้ตอนแรกแล้วแบบ โห เมืองเค้าสวยจริงๆเลยว่ะ

รถรางแบบเก่าที่ยังถูกใช้งานอยู่ทำให้เพิ่มเสน่ห์เมืองเก่าของปรากให้น่าหลงใหลขึ้นไปอีก
ภาพวาดบนตึกนั้นคือนาฬิกาแดดในสมัยก่อน

นั่งพักระหว่างทางเดินไปปราสาทปราก (Prague Castle)

บ้านและอาคารสวยๆมีให้เห็นตลอดทางเดิน

แต่บางทีก็มีอะไรแปลกอย่างหุ่นคนในกรงที่บาร์ หลอนๆ

ถึงแล้ว ทางเดินขึ้นปราสาทปราก (Prague Castle)

หลังจากเดินเล่นบนสะพานชาลส์ (Charles Bridge) กันซักพัก เราก็เดินไปกันต่อที่อีกหนึ่งแลนมาร์คของปรากนั่นก็คือปราสาทปราก (Prague Castle) ที่ดูเหมือนว่าไม่มาคงไม่ได้ ทางเดินขึ้นก็เป็นบันไดหลายขั้นอยู่ เราเดินขึ้นมาได้ซักพักก็ต้องขอแอบนั่งพักก่อนเดินต่อซะหน่อย เป็นปราสาทที่ได้รับการยกย่องจากกินเนสส์บุ๊ค (Guinness Book) ว่าเป็นปราสาทโบราณเก่าแก่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก สร้างมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 9 เคยเป็นปราสาทของกษัตริย์โบฮีเมีย (Bohemian monarchs) และจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (Holy Roman Empire) ปัจจุบันกลายมาเป็นออฟฟิศของประธานาธิบดี ซึ่งภายในปราสาทได้เก็บของล้ำค่าของประเทศเช็กเอาไว้นั้นก็คือมงกุฏของกษัตริย์โบฮีเมีย (Bohemian Crown Jewels)

ปราสาทปราก (Prague Castle)

การเปลี่ยนการ์ดของปราสาทปราก (Prague Castle)

พอขึ้นมาถึงเราก็เห็นคนกำลังยืนรอดูอะไรกันอยู่ไม่รู้ที่หน้าประตู เราเลยไปยืนรอดูบ้าง ซักพักก็มีการเปลี่ยนการ์ดของปราสาทพอดีเลย
สวนออกแบบโดยสถาปนิกชาวสโลวีเนีย

มหาวิหารเซ็นต์วิตุส (St. Vitus Cathedral)

อัศวินจิ๋ว

ที่ประตูมีภาพการพิพากษาครั้งสุดท้ายที่ทำขึ้นจากโมเสกทีละชิ้นประดับอยู่ สวยงามมาก เห็นเด่นมาแต่ไกลไม่เคยเห็นโบสถ์ตกแต่งด้วยโมเสกภายนอกแบบนี้มาก่อนเลย

หลังจากดูการเปลี่ยนการ์ดเสร็จ เดินต่อเข้ามาก็จะเป็นสวนในปราสาทปรากและสิ่งแรกที่จะเห็นก่อนเลยก็คือมหาวิหารเซ็นต์วิตุส (St. Vitus Cathedral) ที่นี่เป็นโบสถ์คาทอลิกที่มีขนาดใหญ่มาก เราพยายามจะถ่ายรูปยังไงก็เก็บไม่หมด สวยงามด้วยสถาปัตยกรรมกอทิก ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นโบสถ์ที่มีขนาดใหญ่และมีความสำคัญที่สุดของสาธารณรัฐเช็กเลย เป็นที่อยู่ของสุสานกษัตริย์โบฮีเมียและจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์หลายพระองค์

มหาวิหารบาซิลลิกา ออฟ เซนต์จอร์จ St. George’s Basilica, Prague โบสถ์เก่าของปรากที่สร้างตั้งแต่ปี 920 ที่ยังอยู่รอดมาจนถึงทุกวันนี้ ตอนนี้เป็นที่เก็บภาพวาดที่สำคัญสมัยโบฮีเมียและฮอลคอนเสิร์ต

ข้างในบริเวณของปราสาทกว้างขวางมาก พวกเราเดินเล่นกันซักพักเลยกว่าจะมาถึงตรงจุดชมวิวที่ทางออก เห็นวิวของปรากได้แบบพาโรนามาไปเลย บ้านและอาคารในปรากมีหลังคาสีส้มเป็นเอกลักษณ์ไปทั่วทั้งเมือง

ดูวิวของปรากจากด้านบนปราสาทบริเวณไร่องุ่นเก่าแก่ตั้งแต่ปี 908

เดินต่อไปอีกนิดเป็นที่อยู่ของไร่องุ่น (Wine Yard) เก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ปี 908 ตอนนี้ก็ยังคงมีไร่องุ่นให้เห็นกันอยู่ แถมมีองุ่นเป็นพวงลูกเต็มๆอยู่เต็มต้น น่าเด็ดมากินซะจริง! ซักพักก็เห็นว่าคนสวนเป็นคุณป้าแต่งตัวสีสันสดใสคนนึงเดินออกมาจากในไร่ ตะโกนบอกเด็กวัยรุ่นคนนึงที่กำลังเด็ดองุ่นชิมอยู่ต่อหน้าต่อตาแม้จะมีป้ายเขียนไว้ว่าห้ามเด็ดก็ตาม แต่พ่อหนุ่มนั้นก็ไม่ได้ยิน ฮ่าๆ คุณป้าก็เลยได้แต่บ่นเป็นภาษาเช็กนิดหน่อยแล้วก็เดินจากไป

 

เราซื้อไอติมเบอร์รีที่ซุ้มร้านใกล้ๆแถวนั้นมานั่งกินตรงไร่องุ่นเล็กๆนี้ หลังจากเดินขาลากมาจนทั่วปราสาทปรากได้อะไรหวานๆเย็นๆมากินคืออร่อยมาก กินไป ดูวิวของปรากไป ชิวมากเวอร์  เรานั่งเล่นกันอยู่ตรงนี้ซักพักเลยเพราะไม่อยากไปจากตรงนี้ ปรากเป็นเมืองที่เดินเล่นดูนั่นดูนี่ได้แบบไม่น่าเบื่อเลยสำหรับเรา

ค่าตั๋วเข้าชมภายในปราสาทปราก (Prague) และภายในของสถานที่สำคัญอื่นๆโดยรอบ ได้แก่มหาวิหารเซ็นต์วิตุส (St. Vitus Cathedral), พระราชวังเก่า (Old Royal Palace), การแสดงประวัติของปราสาทปราก, มหาวิหารบาซิลลิกา ออฟ เซนต์จอร์จ (St. George’s Basilica), โกลเด้นเลนและหอคอยดาลิโบรก้า (Golden Lane with Daliborka Tower), พระราชวังโรเซนเบิร์ก (Rosenberg Palace) ราคา CZK 350 (460 บาท) เป็นตั๋วที่ใช้ได้ 2 วัน ซึ่งเด็กที่อายุน้อยกว่า 16 ปีและผู้สูงอายุที่อายุมากกว่า 65 ปีได้รับส่วนลดครึ่งราคา สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมของราคาตั๋วได้ที่นี่เลยค่ะ Prague Castle Ticket

พิกัด/แผนที่ปราสาทปราก (Prague Castle): Prague Castle Google Map

วันเวลาที่เปิดให้บริการของปราสาทปราก (Prague Castle): เปิดทุกวัน ปรากคอมเพล้กซ์เปิดเวลา 6:00 – 22:00 น. แต่ตึกประวัติศาสตร์ต่างๆเปิดเวลา 9.00 – 17.00 น. (หน้าหนาว 1 พฤศจิกายน – 31 มีนาคม เปิดเวลา 9.00 – 16.00 น.)

แต่ถ้าใครไม่ใช่สายพิพิธภัณฑ์ แค่อยากเดินเล่นรอบๆเอาบรรยากาศมากกว่า ข้อมูลมานั่งหาอ่านเอาทีหลังได้ ก็ไม่ต้องซื้อตั๋วก็ได้ค่ะ เพราะเราสามารถเดินดูรอบๆภายในปราสาทปรากได้ฟรีโดยไม่ต้องเสียตังค์ ตั๋วค่าเข้าคือสำหรับเยี่ยมชมภายในของอาคารต่างๆเท่านั้น แฟนเราเคยมาปรากแล้วเข้าไปดูข้างในแล้ว ส่วนเราก็ไม่อยากให้นางต้องเสียเงินกับอะไรที่เคยทำแล้ว เราเองก็ไม่ได้ตื่นเต้นอยากจะเข้าไปดูข้างในให้ได้และงกด้วย ฮ่าๆ อยากแค่ชิวๆ เดินเล่นสบายๆ ชมตัวเมืองในแบบที่มันเป็นซะมากกว่า ก็มองข้ามเรื่องตั๋วแบบเราไปได้เลย!

ทางลงไปยังด้านล่างจากปราสาทปราก (Prague castle)

หลังจากที่นั่งกินไอติมที่ไร่องุ่นเก่าแก่แห่งนี้เสร็จ ซักพักก็เดินลงจากปราสาทปรากที่ทางข้างร้านอาหาร Wine Bistro ร้านนี้ในไร่องุ่นกัน ร้านไหนที่ดูหรูๆแพงๆแบบนี้ แบ็คแพ็คเกอร์งบน้อยนิดแบบเราก็จะเดินผ่านแบบไม่ไยดีไปเลยนะคะ ฮ่าๆ ระหว่างเดินลงทางเดินอีกฝั่งที่ลับตาคน (สวน) ก็เห็นองุ่นที่มีคนเด็ดทิ้งไว้ข้างทาง เราเลยเก็บองุ่นที่มีคนทิ้งไว้นั้นมาลองชิมดูก็เปรี้ยวมาก ฮ่าๆ ตอนที่ไปเที่ยวจอร์เจีย ประเทศที่ผลิตไวน์เป็นประเทศแรกของโลก คนที่ดูแลเกสท์เฮ้าส์ก็เอาองุ่นที่ปลูกในบ้านมาให้ลองกิน อันนั้นก็เปรี้ยวกว่าหนักเลย แหลกไม่ล่าย! (องุ่นที่ใช้ทำไวน์นี่มันเปรี้ยวหนักมากแบบนี้ตลอดเลยไหมนะ)

สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Malostranska Metro

จุดน้ำดื่มฟรีเย็นๆหน้า สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Malostranska Metro คนมุงกันกรอกน้ำไว้กินฟรีเพียบ

หลังจากลงมาถึงด้านล่างแล้ว เดินเลี้ยวขวามาซักพักก็จะเจอกับสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Malostranska Metro ที่บริเวณด้านหน้ามีจุดน้ำดื่มฟรีให้บริการอยู่ เดินมาเหนื่อยๆได้กินน้ำดื่มฟรีเย็นๆนี้ชื่นใจซะเหลือเกินค่ะ คนเลยมุงกันเพียบเลยอย่างที่เห็นในภาพ ตอนที่เราเรียนอยู่โรงเรียนสมัยมัธยม จำคำพูดของอาจารย์ท่านนึงได้อย่างดีเลยว่า “ในโลกมีน้ำมากถึง 70% แต่ทำไมมนุษย์เราถึงยังต้องซื้อน้ำดื่มกันอยู่?” นั่นสิ เพราะมนุษย์อย่างเราๆทำน้ำเหล่านั้นสกปรกซะจนไม่สามารถหาดื่มง่ายๆได้อีก เลยมีคนไปทำให้มันกลับมาสะอาดอีกครั้งเพื่อขายเอาเงินเราต่ออีกที อย่างที่เราทำกันอยู่ทุกวันนี้ในประเทศไทย ในฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีเพียงประเทศเดียวเท่านั้นที่สามารถดื่มน้ำได้จากก๊อกน้ำนั่นก็คือ ประเทศสิงคโปร์ นั่นเอง

ไม่น่าแปลกใจเลยเพราะประเทศเค้าคอยพัฒนาตัวเองอยู่ในทุกด้านจริงๆ และนี่ก็เลยเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่เราเห็นจากการไปเที่ยวมาแล้ว 3 ประเทศคือ เนเธอร์แลนด์ เยอรมัน และสาธารณะรัฐเช็ก ใน 3 ประเทศนี้ เราสามารถดื่มน้ำจากก๊อกน้ำได้ ทำให้เราไม่ต้องเสียเงินซื้อน้ำ และลดขยะจากพลาสติกเพิ่มขึ้นไปได้หลายขวดเลยล่ะ เป็นอีกสิ่งเล็กๆที่ทำให้เราชอบยุโรปและเห็นว่ามันมีคุณค่ามากในการมาเที่ยวยุโรปครั้งแรกในครั้งนี้ อยากให้วันนึง ประเทศไทยถึงจุดที่คนไทยให้ความสำคัญกับความสะอาดของแหล่งน้ำและใส่ใจในกระบวนการทำความสะอาดน้ำก๊อก ให้อยู่ในระดับที่คนไทยสามารถดื่มน้ำจากก๊อกได้เลย เราจะได้ไม่ต้องเสียเงินโดยไม่จำเป็น แล้วคิดดูสิคะว่าเราจะช่วยลดขยะจากพลาสติกได้อีกมากมายมหาศาลเลย จะมีวันนั้นไหมนะ…

หลังจากนั้นเราก็พากันเดินต่อ ตอนนั้นเราเดินตามหลังคุณพ่อที่กำลังอุ้มลูกเล็กคนนึงที่กำเหรียญไว้อยู่ในมือ เล่นไปเล่นมาดันทำเหรียญกลิ้งหล่นหายไป แต่เราที่อยู่ด้านหลังเห็นพอดีว่าหล่นไปที่ไหนเลยช่วยเก็บขึ้นมาคืนให้น้อง คุณพ่อน้องน่ารักมาก พยายามพาให้น้องขอบคุณแล้วก็พูดกับน้องประมาณว่า พี่เค้าน่ารักมากเลยช่วยเก็บเหรียญมาคืนหนูด้วย พูดแบบนี้วนไปวนมา จนเราลอย ฮ่าๆ เป็นเรื่องน่ารักเล็กๆที่เกิดขึ้นระหว่างทาง แต่ก็ต้องเดินจากน้องไปเพราะเห็นทางเดินเล็กๆอยู่ด้านขวามือ ที่พอเลี้ยวเข้าไปแล้วเราเข้าใกล้กับแม่น้ำวัลตาวาได้มากขึ้น เสียดายพยายามหาชื่อของสวนบนแผนที่แต่ดันหาไม่เจอ ใครรู้ช่วยส่งข้อความมาบอกเราที เพราะเราชอบสวนนี้มากๆ อยากแนะนำให้เพื่อนๆที่จะไปเที่ยวปรากให้รู้จัก

เราเดินมาเหนื่อยๆ พอดีเลย เพราะได้โอกาสนั่งที่เก้าอี้ในสวนอ่านหนังสือที่พกมาด้วยพอดี อ่านไปก็ดูนั่นดูนี่ไปด้วย คนที่พยายามให้อาหารหงส์และเป็ดแล้วร้องขำเสียงดังเพราะเกือบโดนงับ เด็กๆที่กำลังเล่นสนุกกับฟองลูกโป่ง คุณลุงที่พยายามสร้างฟองลูกโป่งไม่ได้หยุดเพื่อที่จะได้เงินติ๊บเป็นการตอบแทน ดูคู่รักหนุ่มสาวที่พยายามถ่ายรูปสวยๆคู่กับสะพานชาลส์ (Charles Bridge) ที่ก็สวยไปอีกแบบเมื่อมองจากระยะไกล ดูคนปรากที่ขยันขันแข็งพยายามร้องขายตั๋วล่องเรือให้กับนักท่องเที่ยวที่เดินผ่านไปมา ดูเรือที่ล่องไปมาบนแม่น้ำวัลตาวาใกล้ๆ ดูนู่นดูนี่ไปมาซักพักก็เผลอหลับไป หลับไปได้ซักพักใหญ่เลยล่ะ คือหลับสบายมาก! ฮ่าๆ ก็เล่นเดินท่ามกลางแดดในช่วงซัมเมอร์มาทั้งวัน

วิวของสะพานชาลส์ (Charles Bridge) จากสะพานมาเนส (Mánes Bridge) ที่อยู่ตรงข้ามกัน

เรื่อง: ตรีสุคนธ์ จีระมะกร (ตรี)

ฟรีแลนซ์นักแปล (อังกฤษ <=> ไทย) และนักเขียนคอนเทนต์

อ่านรีวิวเที่ยวปรากตอนก่อนหน้านี้ได้ที่นี่: รีวิวเที่ยวปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) ตอนที่ 1: นั่งรถไฟจากเยอรมันไปปรากและแนะนำคาเฟ่ขนมอร่อยในปราก

อ่านรีวิวเที่ยวปรากด้วยตัวเองตอนต่อไปได้ที่นี่: รีวิวเที่ยวปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) ตอนที่ 3: จตุรัสเมืองเก่าของปราก (Old Town Square) และข้ามไปดูโซนเมืองใหม่ของปราก


เช็คราคาตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ-ปรากได้ที่นี่: http://bit.ly/Bangkok-Prague

แนะนำวิธีค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกและคุ้มที่สุดสำหรับการเดินทางทั้งในไทยและต่างประเทศ เอาใจแบ็คแพ็คเกอร์สายประหยัดเหมือนกัน

2 Comments