11 Jul นั่งรถไฟไปเที่ยวบราติสลาวา เมืองหลวงสีเขียวแห่งสโลวาเกีย
นั่งรถไฟจากเวียนนาแค่ 1 ชั่วโมงกว่า ๆ ก็เดินทางมาถึงเมืองบราติสลาวา (Bratislava) เมืองหลวงของประเทศสโลวาเกีย (Slovakia) ที่ตั้งอยู่ติดกับชายแดนของประเทศออสเตรียเลย สโลวาเกียเป็นประเทศใหม่ประเทศแรกที่ฉันได้มาเที่ยว หลังจากการระบาดของโควิดทั่วโลกนานเกือบ 3 ปี ความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เดินทางท่องเที่ยวไปในที่ใหม่ ๆ ที่ที่ไม่คุ้นเคย ก็ได้กลับมาเยือนหัวใจของฉันอีกครั้ง…
โบกมือลาเวียนนา แล้วนั่งรถไฟไปเที่ยวบราติสลาวากันต่อ
เราโบกมือลาเวียนนากับบรรยากาศเมืองสุดอินดี้ละแวกที่พัก แล้วแวะกินอาหารเช้ากันที่คาเฟ่ Gota กาแฟที่นี่ค่อนข้างอร่อย เลยซื้อห่อเมล็ดกาแฟของทางร้านกลับเยอรมันไปกับเราด้วย ที่น่าสนใจคือ ทางร้านมีหลายเมนูกาแฟที่ผสมแอลกอฮอล์ ฉันไม่อินเท่าไหร่เลยไม่ได้ลอง แต่ดูท่าแล้วที่นี่ชอบเอาแอลกอฮอล์มาผสมนู่นนี่เป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นเค้ก ไอศกรีม หรือแม้กระทั่งกาแฟ
เรานั่งกันข้างนอกร้าน ดูความเป็นไปของเวียนนา บรรยากาศชิวมาก ที่ร้านเองก็มีแขกมาไม่ได้ขาด ข้าง ๆ โต๊ะเราเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มาคาเฟ่พร้อมน้องหมา เธอได้ยินสามีฉันพูดชื่อประเทศสโลวีเนีย (ยังสับสนอยู่ว่าตกลงวันนี้เราจะไปเที่ยวที่สโลวีเนียหรือสโลวาเกียกันแน่) เธอก็เลยพูดขึ้นมาว่า เธอเพิ่งไปสโลวีเนียมา ธรรมชาติที่นั่นสวยมาก พร้อมโชว์ภาพในมือถือให้ดู ให้ภาพยืนยันว่าสวยจริง ๆ พอเห็นแล้วก็ทำให้เราอยากไปบ้างเลย
ฉันถามเธอว่ามาจากที่ไหน เธอบอกว่ามาจากอิสราเอล ฉันเลยถามอีกว่ามาเที่ยวกับน้องหมาเหรอ เพราะตอนแรกคิดว่าเธอเป็นคนที่นี่ เธอตอบใช่พร้อมอมยิ้ม เธอสั่งเอสเพรสโซ่แก้วจิ๋ว พร้อมนั่งจดบันทึกลงสมุดที่พกมาด้วย เป็นภาพที่น่ารักดีจัง ทำให้ฉันอยากพกสมุดไว้จดเรื่องราวการเดินทางกับเขาบ้าง…
นั่งรถไฟจากเวียนนาไปเที่ยวบราติสลาวา
พอเดินทางมาถึงที่บราติสลาวาก็เห็นได้เลยถึงความแตกต่าง สถานีรถไฟที่นี่ค่อนข้างเล็ก คนไม่เยอะเหมือนที่เวียนนา และบรรยากาศรอบ ๆ ก็เงียบขึ้นมาในทันใด ไม่มีแล้วความหรูหราในแบบที่เห็นได้ในเวียนนา แต่กลายมาเป็นตึกแบบโมเดิร์นไปเลย หรือตึกแบบเรียบง่ายที่เห็นได้ในหลาย ๆ ประเทศที่เคยเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียตมาก่อน เห็นแล้วก็ชวนนึกถึงทบิลิซี (Tbilisi) เมืองหลวงของประเทศจอร์เจียที่ฉันเคยอาศัยอยู่ไม่น้อย
เรานั่งรถบัสไปที่ที่พักของเราในบราติสลาวาด้วยตั๋วเดินทางในบราติสลาวาสำหรับ 3 วัน ราคา 9 ยูโร (ประมาณ 330 บาท) ซื้อได้ที่ตู้ด้านนอกสถานีหลังเดินออกมาได้เลย
ที่พักราคาถูกในบราติสลาวา
ที่พักในเรือนกระจกในบราติสลาวา
ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน เราก็ยังคงคอนเซ็ปเดิมคือการจองที่พักราคาถูกเพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย แถมยังได้ซัปพอร์ตธุรกิจขนาดเล็กในท้องถิ่นด้วย แล้วคราวนี้เราเลือกมาพักกันที่ที่พักในเรือนกระจกที่มีชื่อว่า Rastlinky.sk Greenhouse Guestrooms
เจ้าของที่พักบอกว่าพวกเขาเป็นชาวสวน แล้วแบ่งพื้นที่ในเรือนกระจกทำเป็นที่พักให้นักท่องเที่ยวเป็นรายได้เสริม
แขกบางคนพอมาถึงแล้วก็ถามว่าโรงแรมอยู่ไหน อาจจะรีบจองที่พักใกล้สนามบินแล้วไม่ได้ดูดี ๆ ที่นี่ไม่ได้เป็นโรงแรม แต่เป็นแค่เกสต์เฮาส์เล็ก ๆ ในเรือนกระจก แต่ฉันบอกกับเขาไปว่า นั่นแหละคือเหตุผลที่เราเลือกที่จะมาพักที่นี่กัน!
เที่ยวบราติสลาวา เดินเล่นในป่ากลางเมือง Bratislava Forest Park
หลังจากจัดการเรื่องเช็คอินเสร็จเรียบร้อยแล้ว เราก็นั่งรถบัสเข้าเมือง แวะซื้อของกินในร้านขายของชำตุนไว้ แล้วนั่งรถบัสต่อไปที่สถานี Red Bridge ใกล้กับ Bratislava Forest Park
สถานีรถบัสดูเหมือนออกมานอกเมืองเยอะมาก แต่จริง ๆ เดินทางแค่แป๊ปเดียวก็ถึงในเมือง
สถานีรถบัส Red bridge ทางเข้า Bratislava Forest Park
ทางเข้าเป็นส่วนของสนามเด็กเล่นขนาดใหญ่ มีซุ้มขายของกิน แล้วก็มีหลายครอบครัวมาทำบาร์บีคิวกินกันในสวน ส่วนพวกเราก็แวะนั่งกินแซนด์วิชที่ซื้อมา แล้วเดินไปตามทางต่อ
ที่นี่มีต้นไม้เยอะและอุดมสมบูรณ์มาก ได้ยินเสียงนกร้องรอบ ๆ ตัวอยู่ตลอดเวลา ทั้งผู้ใหญ่และเด็กต่างพากันขี่จักรยานในสวนขนาดใหญ่แห่งนี้ที่เป็นเหมือนป่าซะมากกว่า แค่นั่งรถบัสมาชั่วโมงเดียว ก็ได้หลุดเข้ามาอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สูดออกซิเจนได้อย่างเต็มที่ ปอดของเมืองบราติสลาวาทั้งใหญ่ทั้งแข็งแรง น่าอิจฉาคนที่นี่ที่มีธรรมชาติสวย ๆ อยู่ใกล้ตัวแบบนี้ซะจริง
ตามทางมีร้านอาหารและคาเฟ่อยู่เป็นระยะ เราเดินไปได้สักพักก็มาเจอเข้ากับจุดขึ้นที่นั่งที่เป็นเหมือนสกีลิฟต์เพื่อไปอีกฝั่งของสวนได้ บางคนที่ขี่จักรยานมา ก็สามารถเอาจักรยานขึ้นสกีลิฟต์ไปด้วยได้เหมือนกัน ฉันไม่เคยนั่งสกีลิฟต์มาก่อนก็เลยอยากลองนั่งดูบ้าง
คนอื่นเขานั่งกันชิวมาก ส่วนฉันนั่งเกร็งตลอดทางเพราะเสียวตก แต่ก็เป็นโมเมนต์ที่ให้หัวใจได้เต้นแรงดี พอลงสกีลิฟต์กันมาก็เดินต่ออีกสักพักจนมาเจอกับร้านอาหารในสวน เรารู้สึกหิวพอดีเลยแวะกินอาหารที่นี่กัน ร้านดูเก่าแก่มาก พอดูที่เมนูก็เห็นรูปร้านเป็นสีขาวดำและเขียนไว้ว่าเปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1967!
ฉันสั่งเป็นเมนูสเต๊กอกไก่ เลือกได้ว่าจะกินคู่กับเฟรนช์ฟรายส์หรือข้าว เนยสมุนไพรที่เสิร์ฟมาคู่กันหอมอร่อยดี อาหารไม่ได้น่าตื่นเต้นอะไรมาก แต่พอเดินมาเหนื่อย ๆ แล้วได้แวะนั่งพักกินอาหารเพิ่มแรงก็ค่อยยังชั่วหน่อย ส่วนเครื่องดื่มสั่งเป็นเลมอนเนตที่ไม่หวานเลยแม้แต่นิด น่าจะไม่ได้ใส่น้ำตาลเลยยย
กินอิ่มเสร็จก็นึกว่าได้เวลานั่งรถบัสกลับแล้ว แต่เพิ่งรู้ว่ายังต้องเดินต่ออีก เราเดินไปสักพักก็เจอเข้ากับครอบครัวใหญ่ที่มาทำบาร์บีคิวกินกัน ข้าง ๆ มีหอคอยที่ให้ขึ้นไปชมวิวได้ด้านบน เห็นพื้นที่ป่าที่เต็มไปด้วยต้นไม้ พร้อมวิวเมืองบราติสลาวา (และน่าจะเวียนนาด้วย) อยู่แบบไกล ๆ
ระหว่างทางจะมีป้ายคอยบอกข้อมูลต่าง ๆ รวมทั้งสัตว์ต่าง ๆ ที่อาศัยอยู่ที่นี่ แล้วเราก็เห็นแล้วแหละว่ามีงูด้วย แต่ก็ไม่ได้คิดว่าจะได้เจอจริง ๆ หลังจากที่เดินออกมาจากจุดชมวิว ก็ต้องเดินผ่านป่า แล้วฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว ฉันเห็นงูสีดำขนาดใหญ่ที่นอนนิ่งอยู่บนทางเดินพอดี พอเห็นก็ตกใจมาก ไม่ได้คิดว่าจะมาอยู่กลางทางเดินแบบนี้ รีบก้าวถอยหลังออกมา แต่สักพักงูก็เลื้อยเข้าไปในป่าไป
ถ้าเป็นตอนฟ้ามืดคงมองไม่เห็น โชคดีที่หน้าร้อนที่นี่ฟ้ามืดสนิทค่อนข้างช้า เป็นสามทุ่มนู่นเลย
พวกเราเดินกันทั้งวันจนขาน่วมไปหมด ได้เวลากลับเข้าที่พัก แล้วค่อยออกมาลุยต่อวันพรุ่งนี้
เที่ยวบราติสลาวา เดินเล่นในใจกลางเมือง
อาหารเช้าของที่พักเป็นแบบง่าย ๆ แต่อร่อย ทั้งกาแฟจากเครื่องทำกาแฟอย่างดี โทสต์ แยมสตรอว์เบอร์รี่ทำเอง ครีมชีส ชาจากใบมินต์สด ๆ ไข่ต้ม แล้วก็อะไรต่อมิอะไรเต็มโต๊ะไปหมด คุ้มมาก พออิ่มท้องกันแล้ว ก็ได้เวลาออกไปสำรวจในตัวเมืองบราติสลาวากัน
ตอนแรกกะว่าจะไปหาอะไรกินกันที่ Old Market Hall ตลาดเก่าแก่ของที่นี่ แต่วันที่เราไปมีงานอีเวนต์ของ EU จัดที่นั่นอยู่พอดี เราเลยเดินไปหาอะไรกินแถวย่านเมืองเก่าแทน ร้านอาหารส่วนใหญ่ก็จะเป็นร้านอาหารอิตาเลี่ยน ไม่ก็เอเชียไปเลย แต่เราอยากกินอาหารสโลวาเกีย ก็เลยเดินตามหาร้านที่ดู local หน่อย จนมาเจอเข้ากับร้านหนึ่ง
Old Market Hall
ไม่ไกลจากโต๊ะเรานักเป็นนักท่องเที่ยวผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังคุยกับพนักงานให้ช่วยแนะนำอาหารท้องถิ่นสโลวาเกียให้กับเธอหน่อย พอเราได้ยินอย่างนั้นเราก็อยากรู้บ้างว่าพนักงานจะแนะนำเป็นอะไรให้ เลยได้โอกาสทักทายกับผู้หญิงคนนั้นด้วย
จนเธอชวนให้ไปนั่งทานอาหารด้วยกันซะเลย เธอเป็นคนอเมริกัน เกษียณอายุแล้ว เดินทางมาเยี่ยมเพื่อนที่รู้จักที่บราติสลาวา แล้วหลังจากนี้ก็จะเดินทางไปเยี่ยมเพื่อนอีกคนที่เมืองมาดริด ประเทศสเปนต่อ เธอเล่าให้ฟังว่าเคยมาทำงานที่สกีรีสอร์ทของทหารอเมริกันที่เยอรมันเมื่อนานมาแล้ว หลังจากนั้นก็กลับไปทำงานที่อเมริกา พอเกษียณก็มีเวลาไปเที่ยวและทยอยเยี่ยมเพื่อนตามเมืองนู้นเมืองนี้
ช่วงที่โควิดระบาดหนัก ๆ เธอติดอยู่ในประเทศนิวซีแลนด์อยู่นาน แต่ก็รู้สึกโชคดีที่ได้อยู่ที่นั่นนาน ๆ เพราะนิวซีแลนด์เป็นประเทศที่มีธรรมชาติสวย ๆ เยอะมาก ออสเตรเลียก็ด้วย ก่อนจะมาเที่ยวเยี่ยมเพื่อนที่ยุโรปในทริปนี้หลังจากที่ได้รับวัคซีนแล้ว
ช่วงโควิดเราก็ติดอยู่ที่ประเทศจอร์เจียนานถึงปีครึ่ง เธอเองก็ชอบจอร์เจียมาก เพราะธรรมชาติสวยไม่แพ้กัน และค่าครองชีพก็ถูกมากด้วย เราแลกเปลี่ยนบทสนทนากันหลายชั่วโมง แต่พอเห็นว่าฝนเริ่มตก ก็นั่งกินขนมหวานกันต่อ
เธอไปมาหลายที่จนไม่ได้นับแล้วว่าไปมาทั้งหมดกี่ประเทศ ทั้งนิวซีแลนด์ ออสเตรเลีย จอร์เจีย เนปาล อินเดีย กัมพูชา และไทย แต่ยังไม่ทันได้ไปเที่ยวเชียงใหม่ ก็เกิดเหตุการณ์ไส้ติ่งแตกซะก่อน โชคดีที่ได้เข้าโรงพยาบาลที่ดีและมีประกันที่สามารถขอคืนเงินได้ หลังจากที่เสียเงินไปหลายบาทมาก
แล้วก็คงมีอีกหลายประเทศที่ไม่ได้พูดถึง พอฉันถามว่าชอบประเทศไหนมากที่สุด เธอก็ตอบว่าฉันชอบทั้งหมดนั่นแหละ!
เวลาคุยเรื่องการเดินทาง ตาเธอจะเป็นประกาย แล้วก็เล่านู้นเล่านี่ใหญ่ และนี่ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ฉันตกหลุมรักการเดินทาง เพราะทำให้ได้เจอคนเจ๋ง ๆ แบบนี้เต็มไปหมด แล้วก็ได้เปลี่ยนมาเป็นแรงบันดาลใจในการใช้ชีวิตของฉันก็หลายต่อหลายครั้ง ถ้าวันหนึ่งฉันอยู่ในวัยเกษียณแบบเธอ ก็อยากมีแรงและมีเงินไว้เดินทางท่องเที่ยว และไม่ยอมปล่อยให้อายุเป็นอุปสรรคแบบเธอบ้าง
เธอเลี้ยงเครปฉันแล้วก็บอกลา ได้เวลากลับไปเก็บกระเป๋าเดินทางสำหรับทริปต่อไป “Save money” คือคำแนะนำสั้น ๆ ที่ผู้หญิงเดินทางท่องเที่ยวคนเดียวในวัยเกษียณคนนี้ได้ให้กับเราไว้
การได้พบเธอจะอยู่ในความทรงจำและกลายเป็นอีกหนึ่งแรงบันดาลใจของฉันต่อไป แม้จะไม่รู้แม้กระทั่งชื่อของเธอเลยก็ตาม…
พอฝนหยุดตกแล้ว เราก็เดินเล่นรอบ ๆ ย่านเมืองเก่า แวะตามจุดของสถานที่สำคัญต่าง ๆ อย่างเช่น Primate’s Palace, Main Square และ Old Town Hall ดูวิวของ Bratislava Castle และเดินต่อไปจนถึงสะพาน UFO look out tower เพื่อที่จะไปร้านอาหารท้องถิ่นสโลวาเกียที่ชื่อว่า Leberfinger กัน
ในช่วงยุคกลาง นอกจากชาวสโลวาเกียแล้ว ก็ยังมีชาวเยอรมันที่มาตั้งรกรากอยู่ที่นี่กันเยอะมาก ตามมาด้วยชาวฮังการีหลังจากที่สงครามตุรกีจบลง ทำให้แต่ก่อนคนในแถบนี้สามารถพูดได้ถึงสามภาษา
Primate’s Palace
Fountain of St George
และหนึ่งในช่วงเวลาที่สำคัญมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบราติสลาวาคือช่วงปีค.ศ. 1563-1830 ที่เป็นเมืองราชาภิเษกของราชอาณาจักรฮังการี ที่ทั้งพระมหากษัตริย์ ราชินี และคู่สมรสที่ได้มีพิธีสวมมงกุฎที่ St Martin’s Cathedral
Main Square
ร้านอาหารก่อนหน้าที่ว่าเก่าแล้ว ร้าน Leberfinger เปิดมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1759! ร้านดูเก่าและขลังมาก ที่ชอบคือตั้งอยู่ติดกับสวนขนาดใหญ่ บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างร่มรื่น เราลองสั่งเป็น potato dumpling โรยหน้าด้วยเบคอนซึ่งเป็นอาหารท้องถิ่นของที่นี่มาลองกิน รสชาติอร่อยดี แต่กินไปเรื่อย ๆ ก็แอบเลี่ยนอยู่เหมือนกัน อย่างน้อยก็ได้ลองกินอาหารท้องถิ่นแท้ ๆ จนได้ เพราะพรุ่งนี้เราก็จะนั่งรถไฟกลับไปที่ออสเตรีย มุ่งหน้าไปยัง Hallstatt กันต่อ
ฉันเคยได้ยินแต่ชื่อของประเทศสโลวาเกียมาก่อน แต่ไม่ได้รู้อะไรไปมากกว่านั้น แถมชื่อบราติสลาวาก็เพิ่งมาได้ยินเป็นครั้งแรก หลังจากที่สามีบอกว่าอยากมาที่นี่ตอนวางแผนเที่ยว ที่ที่ไม่ได้มีการวางแผนหรือคาดหวังอะไรกับมันมากนัก มักจะสร้างความประทับใจให้กลับเราได้เสมอ
บราติสลาวาบอกลาเราอย่างเป็นทางการด้วยวิวของพระอาทิตย์ตกบนแม่น้ำดานูบ
สำหรับใครที่มาเที่ยวเวียนนาแล้วอยากเปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ก็ลองนั่งรถไฟแค่ชั่วโมงกว่า ๆ มาเที่ยวที่บราติสลาวากันได้ พาตัวเองมาอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมใหม่ ๆ เดินเล่นสูดโอโซนกันให้เต็มปอดกันที่ Bratislava Forest Park ทานอาหารท้องถิ่น เดินเล่นชมเมืองเก่าของบราติสลาวา เมืองเล็ก ๆ ที่ให้คุณชมความงามได้แบบไม่วุ่นวาย และลองคุยกับคนที่นั่งอยู่โต๊ะข้าง ๆ เพราะนั่นอาจจะเป็นบทสนทนาดี ๆ ที่ทำให้ทริปของคุณน่าจดจำมากขึ้นไปอีก
Save money and travel.
อ้างอิง:
– https://www.visitbratislava.com/about/culture-and-history/
– https://www.bratislava.info/history/
เขียนโดย: ตรีสุคนธ์ ทาไลคิส
ฟรีแลนซ์นักแปลและนักเขียนคอนเทนต์ไทยและอังกฤษ
Sorry, the comment form is closed at this time.