คาซา มิลา (Casa Mila) อพาร์ทเม้นท์สุดหรูที่แต่ก่อนใครๆ ก็บอกว่าเป็นตึกที่หน้าตาน่าเกลียด!

คาซา มิลา (Casa Mila) อพาร์ทเม้นท์สุดหรูที่แต่ก่อนใครๆ ก็บอกว่าเป็นตึกที่หน้าตาน่าเกลียด!

คาซา มิลา (Casa Mila) หรือลา เปเดอรา (La Pedrera) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราค้นหาข้อมูลที่เที่ยวบาร์เซโลนาแล้วอยากไป เป็นเพียงแค่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันกลายเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของบาร์เซโลนาเนื่องจากเป็นอีกหนึ่งผลงานของเกาดี (Gaudi) โดยยังคงความแปลกในแบบฉบับของเค้า แต่ด้านในกลับซ่อนความสวยงามที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติอีกเช่นเคย ในวันเดียวกัน ช่วงบ่ายเราไปเที่ยวปาร์ค กูเอล (Park Guell) สวนสาธารณะเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเขา เมื่อมองมาด้านล่าง สามารถเห็นวิวของเมืองบาร์เซโลนาคู่กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ ส่วนช่วงเช้าเราแวะมาเที่ยวที่คาซา มิลา (Casa Mila) ในย่าน Passeig de Gràcia หนึ่งในย่านที่เรียกได้ว่าชิคที่สุดในบาร์เซโลน่าตั้งแต่ช่วงปี 1900 เป็นย่านเศรษฐกิจ เต็มไปด้วยเหล่าร้านอาหาร คาเฟ่ โรงหนัง และร้านค้ามากมาย ตึกใหม่ๆ หลายแห่งพากันแย่งขึ้นเต็มไปหมดในยุคนั้น

คาซา มิลา (Casa Mila)

คาซา มิลา (Casa Mila) สร้างมาตั้งแต่ปี 1906 – 1912 เป็นอพาร์ทเม้นท์หลังสุดท้ายที่ออกแบบโดยเกาดี (Gaudi) เจ้าของตึกคือคู่สามีภรรยา Pere Milà และ Roser Segimón ชาวอเมริกันที่มีฐานะมาจากการทำสวนกาแฟในประเทศกัวเตมาลา พวกเค้าจ้างเกาดี (Gaudi) ให้มาออกแบบอพาร์ทเม้นท์ส่วนตัวให้โดยเฉพาะ และมีแผนในการเปิดให้คนอื่นเช่าเพื่ออาศัยอยู่ด้วย แม้กระทั่งเจ้าชายจากประเทศอียิปต์ก็เคยมาเช่าเพื่อพักอาศัยที่นี่มาแล้ว

คาซา มิลา (Casa Mila)

ธงชาติของประเทศคาตาโลเนียผืนยาวถูกขึงตรึงไว้อยู่ที่ด้านหน้า เพราะเกาดี (Gaudi) ก็เป็นคนคาตาลัน บาร์เซโลนาในสมัยก่อนเคยเป็นส่วนหนึ่งของประเทศคาตาโลเนีย แต่ถูกสเปนเข้ายึดครองในสมัยที่มีสงครามกับประเทศฝรั่งเศส คนคาตาลันยุคก่อนๆ ยังคงคอยเรียกร้องสิทธิเสรีภาพกันอยู่บ่อยๆ ครั้งล่าสุดก็เมื่อปี 2017 ที่สภานิติบัญญัติของคาตาโลเนียออกมาประกาศเอกราชแต่ฝ่ายเดียวที่เราอาจจะได้ยินข่าวกันมาบ้าง แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลสำเร็จ เกาดีเองก็เคยออกมาร่วมประท้วงอยู่บ่อยครั้งในอดีต

คาซา มิลา (Casa Mila)

คาซา มิลา (Casa Mila) มีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าลา เปเดอรา (La Pedrera) แปลเป็นไทยได้ว่าเหมืองหิน คงเป็นเพราะด้วยรูปร่างจากด้านนอกของอพาร์ทเม้นท์ที่เหมือนก้อนหินก้อนใหญ่ยักษ์ตั้งอยู่กลางเมืองนั่นเอง หลายเสียงของคนแถวนี้ในสมัยก่อนบอกว่าตึกนี้หน้าตามันช่างหน้าเกลียดเหลือเกิน แถมยังเป็นอพาร์ทเม้นท์หรูที่มีราคาแพงอีก ส่วนระเบียงเหล็กดัดบิดที่เห็นจากในภาพนั้นออกแบบโดย Josep Maria Jujol สถาปนิกชาวสเปนอีกคนที่ทำงานร่วมกับเกาดี ถึงแม้จะไม่เป็นที่ชื่นชอบในอดีตอย่างไร ด้วยความแปลกและไม่เหมือนใครนี่เองที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้มาเยี่ยมชมที่นี่ แต่เราว่า “Don’t judge a book by its cover” น่าจะอธิบายสถานที่แห่งนี้ได้ดีมากๆ เพราะพอได้เข้ามาข้างในแล้ว ที่นี่ก็สวยไม่แพ้ที่ไหน!

พอเข้ามาด้านในก็จะเจอเข้ากับโมเดลเล็กๆ ของที่นี่ เป็นอย่างแรก ชอบตรงที่คำอธิบายมีอักษรเบรลล์ด้วย

คาซา มิลา (Casa Mila)

คาซา มิลา (Casa Mila)

ด้านซ้ายมือตรงทางเข้าจะเต็มไปด้วยภาพเพ้นท์ฝีมือของ Aleix Clapés ที่มีสีสันสวยงามโดยเป็นภาพของเวอร์ทัมนัส เทพแห่งฤดูกาลและโพโมนา เทพแห่งผลไม้ ต้นไม้ และสวนซึ่งมีต้นแบบมาจากพรมผนัง Vertumnus transformed into a harvester ที่เป็นมรดกแห่งชาติ จุดที่ชอบมากอีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือโครงเหล็กบริเวณประตูที่อาจจะดูแปลกตาไปนิด แต่ก็เต็มไปด้วยรายละเอียด พอไปดูในส่วนพิพิธภัณฑ์ทีหลังก็ทำให้ยิ่งชอบมากขึ้นไปอีก เพราะได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากโครงสร้างของปีกของผีเสื้อ ซึ่งก็เหมือนจริงๆ ด้วย

คาซา มิลา (Casa Mila)

คาซา มิลา (Casa Mila)

บริเวณราวจับก็ไม่เหมือนที่ไหน เป็นเหล็กที่ถูกดัดให้โค้งงอ โดยได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากลักษณะของลำต้นพืชอีกทีหนึ่ง

คาซา มิลา (Casa Mila)

คาซา มิลา (Casa Mila)

คาซา มิลา (Casa Mila)

คาซา มิลา (Casa Mila)

ภายนอกไร้สีสัน แต่ภายในตัวตึกเต็มไปด้วยสีสันทั้งหลัง

คาซา มิลา (Casa Mila)

มองขึ้นไปก็จะเห็นท้องฟ้าที่ก้อนเมฆค่อยๆ เลื่อนผ่านเราไปในทุกๆ วินาที

พอมาที่โซนแรกก็จะเป็นบริเวณของลานบ้านที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้แสงส่องถึงได้มากขึ้นพร้อมทั้งมีการระบายลมที่ดีขึ้นด้วย ส่วนชั้นใต้ดินของที่นี่ก็ได้ถูกออกแบบให้เป็นที่สำหรับจอดรถม้าและรถยนต์เพื่อให้เข้ากับชีวิตยุคใหม่ในช่วงศตวรรษที่ 19

คาซา มิลา (Casa Mila)

มาเดินเล่นที่ชั้นดาดฟ้ากันบ้าง พอขึ้นมาก็จะพบกับรูปปั้นหน้าตาแปลกประหลาดที่ถูกออกแบบมาให้เป็นเหมือนการ์ดที่คอยอารักขาอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้

คาซา มิลา (Casa Mila)

นอกจากการ์ดแล้ว ปล่องใหญ่ๆ ที่ถูกตกแต่งด้วยหินสีขาวและสีดำนั้นเป็นปล่องบันไดที่เราเดินขึ้นมาได้นั่นเอง มี 4 ปล่อง ส่วนอีก 2 ปล่องทำมาจากปูนอย่างเดียว

คาซา มิลา (Casa Mila)

ด้านหลังถูกทำขึ้นมาเพื่อให้เป็นเหมือนหอเล็กๆ เพื่อระบายอากาศ

คาซา มิลา (Casa Mila)

คาซา มิลา (Casa Mila)

จากด้านบนนี้ มีมุมนึงที่สามารถมองเห็นซากราดาฟามีเลีย (Sagrada Familia) อยู่ไกลๆ ได้ด้วย

วิวของบาร์เซโลนาเมื่อมองลงมาจากอาคาร

หลังจากเดินเล่นบนดาดฟ้าเสร็จแล้ว ก็หลบอากาศร้อนๆ มาดูห้องจำลองของอพาร์ทเม้นท์สุดหรูในสมัยก่อนกันบ้าง เริ่มกันที่ห้องแรกกับห้องของเด็กๆ กันก่อน ตู้บ้านตุ๊กตาที่โชว์อยู่ในห้องเหมือนกับที่มีโชว์อยู่ในพิพิธภัณฑ์แห่งชาติของประเทศเนเธอร์แลนด์ (ริกส์มิวเซียม) เลย น่าจะเป็นเหมือนของเล่นสุดฮิตของเด็กๆ ยุโรปที่มีฐานะในสมัยก่อน

ห้องคนใช้ยังหรูเลย

ห้องกิจกรรมยามว่างของคุณผู้หญิง

ห้องเก็บอุปกรณ์ของคุณผู้ชายเค้า

แน่นอนว่าห้องสุดท้ายก็คือ ห้องของร้านขายของที่ระลึกนั่นเอง

หลังจากที่ได้เห็นถึงหน้าตาของบริเวณด้านในของอพาร์ทเม้นท์แล้ว ส่วนสุดท้ายก่อนที่จะออกมายังลานบ้านอีกแห่ง จะเป็นส่วนของห้องใต้หลังคาที่จัดให้เป็นพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อมเพื่อแสดงสิ่งของและเล่าถึงที่มาที่ไปของอพาร์ทเม้นท์แห่งนี้ ที่ประทับใจที่สุดก็คงจะเป็นรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ในการออกแบบของเกาดี (Gaudi) ที่มักจะสื่อถึงความสวยงามของธรรมชาติเสมอ มีวิดีโอนึงในส่วนของพิพิธภัณฑ์ที่โชว์ถึงต้นแบบของงานออกแบบด้วยใช้รูปทรงของธรรมชาติเป็นต้นแบบความงามในงานสถาปัตยกรรมของตัวเอง ขนาดบริเวณของห้องโถงที่ถูกจัดให้เป็นส่วนของพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน ก็ตั้งใจทำให้เป็นเหมือนลักษณะของท้องปลาวาฬด้วย เพื่อช่วยลดน้ำหนักและช่วยซับพอร์ทตัวอาคารอีกทางหนึ่ง

คาซา มิลา (Casa Mila)

คาซา มิลา (Casa Mila)

นอกจากเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้าชมแล้ว ปัจจุบันที่นี่ยังเป็นที่อยู่อาศัยของผู้เช่าอีก 3 คนที่ครอบครัวของพวกเขาอยู่มาเป็นเวลานานกว่า 70 ปี ใช้ทำกิจกรรมเพื่อสังคมและวัฒนธรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการจัดประชุมหรือการแสดง มีการจัดตั้งมูลนิธิ Catalunya La Pedrera Foundation เพื่อให้โอกาสและอุปถัมภ์เยาวชน และที่ชั้นล่างของตึกเปิดให้เหล่าร้านค้าเก่าแก่เช่าพื้นที่มาตั้งแต่ปี 1929

กว่าที่อพาร์ทเม้นท์แห่งนี้จะสามารถดำเนินการสร้างให้เป็นไปอย่างที่เกาดีได้ออกแบบไว้ได้ ศาลบาร์เซโลนาได้ออกมาคัดค้านการก่อสร้างเนื่องจากขนาดของตึกนั้นใหญ่กว่าที่กำหนดและต้องรื้อส่วนของหน้าตึก ดาดฟ้า และห้องใต้ดินออกทั้งหมด พร้อมทั้งจ่ายค่าปรับด้วย แต่สุดท้าย Eixample Commission ได้ให้การรับรองว่าอาคารแห่งนี้เป็นเหมือนอนุสาวรีย์จึงไม่จำเป็นต้องเป็นไปตามข้อบังคับของเมืองอย่างเคร่งครัด จนเมื่อปี 1984 ที่นี่ก็ได้ถูกประกาศให้เป็นมรดกโลกอีกแห่งหนึ่ง

คาซา มิลา (Casa Mila)

คาซา มิลา (Casa Mila) สวยในสายตาของคุณหรือไม่? สำหรับเราที่นี่เป็นอพาร์ทเม้นท์ที่เก๋มาก! เรายังคงชอบผลงานออกแบบของเกาดี (Gaudi) ที่มีต้นแบบมาจากธรรมชาติเหมือนเคย รวมทั้งเบื้องหลังของแต่ละรายละเอียดที่จะมีที่มาหรือความหมายแอบซ่อนอยู่ ไม่ว่าจะเป็นซากราดาฟามิเลีย (Sagrada Familia) ปาร์ค กูเอล (Park Guell) หรือที่นี่ก็มีความสวยงามในแบบที่แตกต่างกันออกไป แต่ยังคงความเป็นตัวของตัวเองเอาไว้ ถ้ามองแค่ข้างนอกแบบผิวเผิน ที่นี่ก็คงจะแปลก และคงยิ่งแปลกไปอีกหากมองจากสายตาของคนในช่วงศตวรรษที่ 19 แต่ถ้าจะตัดสินไปเลยว่าที่นี่น่าเกลียด ก็ดูจะเป็นคนใจร้อนเกินไปซะหน่อย เพราะข้างในที่นี่ก็ออกแบบได้น่าอยู่ไม่น้อยเลย ส่วนด้านนอกจะให้หน้าตาธรรมดาเหมือนกับอพาร์ทเม้นท์อื่นๆ เค้า ก็คงจะน่าเบื่อเกินไป ไปเที่ยวสเปนเมื่อไหร่ก็อย่าลืมนึกถึงที่เที่ยวสเปนแห่งนี้กันนะคะ

คาซา มิลา (Casa Mila)

ใครที่อ่านแล้วชอบที่นี่ อยากเข้าชมเมื่อมาเที่ยวบาร์เซโลนา สามารถซื้อตั๋วคาซา มิลา (Casa Mila) ออนไลน์ผ่านเว็บไซต์ได้เลยที่นี่: www.lapedrera.com

ตั๋วค่าเข้าคาซา มิลา (Casa Mila) หรือลา เปเดอรา (La Pedrera) แบบธรรมดา ราคา: 24 ยูโร (850 บาท) มี audio guide ให้บริการด้วย

คาซา มิลา (Casa Mila) หรือลา เปเดอรา (La Pedrera) เวลาที่เปิดให้บริการ: 9.00 – 20.30 น. (4 พฤศจิกายน – 27 กุมภาพันธ์ ปิด 18.30 น.)

เรื่อง: ตรีสุคนธ์ จีระมะกร (ตรี)

ฟรีแลนซ์นักแปลไทย <=> อังกฤษและนักเขียนคอนเทนต์

อ่านรีวิวเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองตอนอื่นๆได้ที่นี่: