06 Aug เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง ขับรถรอบเกาะภายใน 7 วัน Day 4: จาก Egilsstadir ไป Vagnsstadir
เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองวันที่สี่นี้ เราวางแผนไว้ว่าต้องออกเดินทางจากเมืองเอกิลสตาเดียร์ (Egilsstadir) ไปที่เมืองวาเกสสตาเดียร์ (Vagnsstadir) ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงด้วยกัน แต่ก่อนจะออกเดินทางจริงๆ เรามานั่งคุยกันเพื่อตัดสินใจอีกครั้งว่าจะขับรถขึ้นไปแวะเที่ยวที่ Borgarfjardarhöfn ในวันนี้กันดีไหมเพราะต้องขับรถย้อนกลับขึ้นไปอีกทางประมาณ 1 ชั่วโมงนิดๆ จริงๆ แล้วเราวางแผนไว้ว่าจะไปตั้งแต่เมื่อวานแต่ก็ค่ำซะก่อนเพราะแวะกันที่อุทยานแห่งชาติวัทนาโจกุล (Vatnajökull National Park) ระหว่างทางเข้าโดยบังเอิญ
เราอยากไปที่นั่นมากๆ เพื่อไปดูนกพัฟฟิน (Puffin) ส่วนแฟนยังลังเลเพราะต้องขับรถย้อนกลับไปไกลโดยที่ไม่รู้เลยว่าจะได้เจอแน่ๆ รึเปล่า จนแฟนถามว่าอยากไปจริงๆ ใช่ไหม เราก็ยืนยันว่าใช่ จนสุดท้ายก็พากันขับรถมุ่งหน้าไปยัง Borgarfjardarhöfn ในที่สุด
เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง: Borgarfjardarhöfn
เราได้ยินชื่อและเห็นหน้าตาน่ารักของเจ้านกพัฟฟินครั้งแรกจากบล็อกเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง เมื่อ Walter Mitty บอกฉันให้หนีจากไทยไปผจญภัยที่ไอซ์แลนด์ ใน a day magazine ออนไลน์ พวกเค้าโชคดีได้เห็นนกพัฟฟินโดยบังเอิญ ทำให้เราอยากไปตามล่าหานกพัฟฟินในไอซ์แลนด์ดูบ้างถ้ามีโอกาส เพราะตอนอยู่ไทยเราชอบดูนกเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ลองค้นหาที่ดูพัฟฟินในไอซ์แลนด์ก็เจอแต่แบบที่ต้องไปกับทัวร์ แต่เราไม่อยากเสียตังค์และอยากไปด้วยตัวเองมากกว่า เลยลองหาข้อมูลดูดีๆ อีกทีจนมาเจอว่าที่ Borgarfjardarhöfn คือรังของเจ้าพัฟฟินเค้าเลยล่ะ อยู่ด้วยกันเพียบ! ถ้าไม่ใช่ช่วงอพยพหนีหนาว เราสามารถเห็นนกพัฟฟินได้เป็นส่วนใหญ่ในแถบยุโรปเหนืออย่างประเทศนอร์เวย์ กรีนแลนด์ อังกฤษ และไอซ์แลนด์ ได้มาเที่ยวที่ไอซ์แลนด์ทั้งที ถ้าไม่ได้แวะไปก็คงจะรู้สึกเสียดาย
รู้สึกว่าวิวข้างทางวันนี้มีความพิเศษ เป็นวิวใหม่ๆ ที่แปลกตามากขึ้น ทำให้อดไม่ได้ที่จะต้องจอดรถเพื่อถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก เที่ยวไอซ์แลนด์วันที่สี่นี้น่าจะเป็นวันที่วิวข้างทางสวยที่สุดเลยก็ว่าได้
3 รูปนี้คือวิวที่ถ่ายได้ตอนแวะจอดรถเข้าห้องน้ำสาธารณะ ฮ่าๆ
ยิ่งเข้าใกล้บ้านของเจ้าพัฟฟินขึ้นเรื่อยๆ วิวก็ยิ่งสวยจับใจ เป็นทะเลสีฟ้าใสอันกว้างไกล
เห็นสตรีทอาร์ตรูปวาดของนกพัฟฟินที่อาคารหลังหนึ่งในหมู่บ้าน ก็เป็นเหมือนสัญญาณบอกกับเราว่ามาถึง Borgarfjardarhöfn แล้วนะ! บรรยากาศรอบหมู่บ้านคือเงียบเหงามาก แทบไม่เห็นคนเลย พวกเราขับรถเข้ามาอีกเรื่อยๆ จนสุดทางก็จะเห็นเกาะขนาดเล็กที่อยู่ติดกับทะเล มีรถอีกหนึ่งคันจอดอยู่ตรงที่จอดรถ พวกเราเลยจอดรถแล้วลงไปเดินสำรวจเกาะกัน บรรยากาศโดยรอบเงียบงันมาก ต่างจากรูปในบล็อกรีวิวที่เคยเห็นมาที่มีพัฟฟินเยอะเต็มไปหมด เลยพอจะรู้คำตอบว่าพวกเราคงมาผิดเวลา พัฟฟินน่าจะอพยพไปที่อื่นกันหมดแล้ว แต่ตอนนั้นก็ยังแอบหวังอยู่ลึกๆ ว่าอาจจะมีบังเอิญเจอบ้าง เลยยังพยายามสอดส่อง มองหาทุกซอกทุกมุม เผื่อน้องแอบไปหลบอยู่ที่ไหน
แต่พอได้อ่านป้ายข้อมูลที่ตั้งอยู่ตรงทางขึ้นก็เริ่มกระจ่าง เค้าเขียนบอกไว้ว่าช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการดูนกในไอซ์แลนด์คือช่วงเดือนพฤษภาคมและมิถุนายน ซึ่งเป็นช่วงซัมเมอร์ของที่นี่ ส่วนพัฟฟินจะคอยกลับรังของตัวเองจนถึงแค่ช่วงต้นเดือนสิงหาคมเท่านั้น แต่ตอนที่เราไปเป็นช่วงปลายเดือนกันยายนแล้ว เลยไม่แปลกที่จะไม่เห็นพัฟฟินเลยซักตัว เห็นแค่หลุมบนหน้าผาเยอะมากที่เป็นรังของพวกมันเท่านั้น
เพราะเราไม่ได้หาข้อมูลมาอย่างละเอียดก่อนว่าสามารถเห็นนกพัฟฟินได้ช่วงเวลาไหนบ้างเลยทำให้มาเสียเที่ยว แต่ถ้าผู้อ่านมีโอกาสไอซ์แลนด์ช่วงเดือนพฤษภาคมจนถึงต้นเดือนสิงหาคม เราแนะนำให้เพิ่ม Borgarfjardarhöfn เป็นอีกหนึ่งที่เที่ยวไอซ์แลนด์ที่ไม่ควรพลาดเพราะเจ้าพัฟฟินน่ารักมาก น้องเป็นนกทะเล กินปลาเป็นอาหาร มีจะงอยปากสีส้มสดใส ในหน้าและลำตัวมีสีขาวที่ด้านหน้าและมีสีดำที่บริเวณหัวและหลัง ส่วนปีกมีสีดำล้วน เท้ามีส้มและเป็นพังผืดคล้ายเท้าเป็ด ชอบอาศัยอยู่ตามริมฝั่งทะเลและหน้าผาแบบนี้
ทำให้ Borgarfjardarhöfn เป็นทำเลทองที่เหมาะเป็นบ้านของน้องสุดๆ ส่วนหน้าหนาว พวกเค้าจะอพยพไปฝั่งประเทศอเมริกา ที่น่าสนใจและไม่เหมือนนกหลายๆ ชนิดก็คือพัฟฟินจะใช้ 2 หลุมสำหรับเป็นที่อยู่อาศัย 1 หลุมและอีกหลุมจะใช้เป็นที่สำหรับขับถ่าย ถ้าเข้าไปเดินเล่นในร้านขายของฝากก็จะเห็นของที่ระลึกที่เกี่ยวกับนกพัฟฟินอยู่เยอะพอสมควรเลย
บนเกาะมีกระท่อมเล็กๆ หลังหนึ่งอยู่ด้วย พอเดินเข้าไปดูข้างในจะเห็นเก้าอี้ตัวเล็กๆ หลายตัวพร้อมกับหน้าต่างบานกระจก จัดให้เป็นที่สำหรับดูพัฟฟินไว้โดยเฉพาะ มีสมุดบันทึกเล่มนึงวางอยู่บนโต๊ะ ลองอ่านดูเห็นมีอีกหลายคนเลยที่เขียนไว้ว่ามาแล้วไม่เจอพัฟฟิน ช่วงเดียวกับที่เราไปพอดี มีเขียนว่าโชคไม่ดีบ้าง วาดรูปหน้าบึ้งบ้าง เศร้ากันไปไม่ต่างจากเรา พวกเรามาช้ากันไปเดือนกว่าๆ เอง ฮ่าๆ
หันหลังคอตก พากันเดินกลับรถหลังจากผิดหวังไม่เจอพัฟฟินกัน เห็นเด็กไอซ์แลนดิคน่ารักสองคนกำลังเล่นอยู่บนเรือที่จอดอยู่ริมฝั่งกับพ่อของเค้า นี่น่าจะเป็นครั้งแรกเลยมั้งที่เราบังเอิญได้เห็นวิถีชีวิตของคนไอซ์แลนด์หลังจากทริปไอซ์แลนด์เข้าวันที่ 4 ก่อนหน้านี้เจอแต่นักท่องเที่ยวมาตลอด จำที่คนเยอรมันที่เราเจอในโฮสเทลที่แรกที่เคยพูดไว้เลยว่าเค้าอยู่ไอซ์แลนด์มาหลายอาทิตย์แล้วแต่แทบไม่ได้เจอคนไอซ์แลนด์เลย
ก่อนจะโบกมือลา Borgarfjardarhöfn อย่างเป็นทางการ เราพากันแวะจอดรถอีกครั้งแล้วเดินเล่นไปบนเนินเขาแห่งหนึ่งในหมู่บ้าน บนนั้นเราสามารถเห็นวิวของบ้านหลังเล็กหลังน้อยริมทะเลสาบ และก็เห็นโบสถ์ของคนไอซ์แลนด์เป็นครั้งแรกด้วย เรียบง่ายสไตล์ไอซ์แลนด์
พิกัด Borgarfjardarhöfn: แผนที่ Borgarfjardarhöfn ที่ดูนกพัฟฟินในไอซ์แลนด์
เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง: ชายหาดสีดำ (Black Sand Beach)
ช่วงเย็นระหว่างทางจาก Borgarfjardarhöfn ไปยังปลายทางเมืองวาเกสสตาเดียร์ (Vagnsstadir) เราบังเอิญเจอชายหาดสีดำข้างทางสลับกับภูเขาสีดำขนาดใหญ่หลายลูกที่ตั้งอยู่ใกล้กันกลายเป็นวิวที่งดงามมาก เลยตัดสินใจพากันจอดรถแล้วลงไปเดินเล่นกัน ไม่ได้มีแค่เราที่ทำแบบนี้เพราะเห็นว่ามีคนกำลังเดินอยู่บนเนินทรายอยู่ด้วยอีกสองคน
พอเราเดินข้ามเนินทรายกันมาก็เซอร์ไพรส์ได้เห็นชายหาดสีดำที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา คลื่นค่อนข้างสูงและลมก็พัดแรง พวกเราไปยืนใกล้ๆ ทะเลแล้วเล่นวิ่งหลบคลื่น หัวเราะกันเสียงดังจนเหนื่อย ระหว่างนั้นไม่ไกลออกไปก็มีนักท่องเที่ยวชายอีกคนนึงที่น่าจะมาเที่ยวคนเดียวกำลังเล่นวิ่งหลบคลื่นอยู่เหมือนกัน เราหัวเราะเสียงดังมากจนเค้าหันมามอง ต่างคนต่างยิ้มให้กัน ที่ๆ เราไม่ได้ตั้งใจจะไปตั้งแต่ทีแรกกลับทำให้เรารู้สึกประทับใจอีกแล้ว.. อดเจอนกพัฟฟินแต่ได้มาแวะเล่นที่นี่แบบบังเอิญก็ปลอบใจทริปวันที่ 4 ในไอซ์แลนด์ของเราได้ไม่น้อยเลย ฟ้าเริ่มมืดแล้ว ได้เวลาขึ้นรถเดินทางไปยังที่พักในคืนนี้กันต่อ
พิกัดชายหาดสีดำ (black sand beach) ระหว่างทางไปยังเมืองวาเกสสตาเดียร์ (Vagnsstadir): แผนที่ Hornafjördur
เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง: Vagnsstadir HI Hostel ที่พักราคาถูกในเมืองวาเกสสตาเดียร์ (Vagnsstadir)
เราพยายามค้นหาที่พักที่ถูกที่สุดในไอซ์แลนด์จากหลายเว็บไซต์แล้วก็มาจบที่ Vagnsstadir HI Hostel ในคืนที่สี่ที่ไอซ์แลนด์ พอเจอว่าโฮสเทลยังมีว่างก็รีบจองเลยเพราะราคาถูกกว่าห้องแบบเดี่ยวเยอะ บางครั้งเราหาโฮสเทลไม่เจอใน Booking.com หรือ Agoda.com เราก็จะเข้าไปค้นหาใน www.hihostels.com ด้วย เพราะเป็นเว็บไซต์ที่มีข้อมูลของโฮสเทลโดยเฉพาะเลย ตกเย็นวันนั้นเราทำสปาเกตตีกินเหมือนเคย แต่เป็นวันที่ยากกว่าวันอื่นๆ หน่อยเพราะคนฝรั่งเศสที่เข้าครัวพร้อมกันทำอาหารแบบจัดเต็มมาก เป็นพาสต้าเหมือนกันแต่เนื้อเอยผักเอยแบบพูนกระทะเลย ส่วนวันต่อมาเรานั่งกินคอนเฟลก แก๊งฝรั่งเศสแก๊งเดิมก็ทำสเต๊กปลาแซลมอนไปอี๊ก กินดีสุด!
ไว้ถ้ามีโอกาสกลับมาที่ไอซ์แลนด์อีกครั้งช่วงซัมเมอร์ เราจะไปตามหาแกอีกครั้งนะพัฟฟิน!
Reference:
เรื่อง: ตรีสุคนธ์ จีระมะกร (ตรี)
ฟรีแลนซ์นักแปลอังกฤษ <=> ไทยและนักเขียนคอนเทนต์
อ่านเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองตอนก่อนหน้าได้ที่นี่:
- เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง ขับรถรอบเกาะภายใน 7 วัน Day 1: จาก Reykjavik ไป Akureyri
- เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง ขับรถรอบเกาะภายใน 7 วัน Day 2: จาก Akureyri ไป Arbot
- เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง ขับรถรอบเกาะภายใน 7 วัน Day 3: จาก Arbot ไป Egilsstadir
อ่านเที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเองตอนต่อไปได้ที่นี่:
เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง ขับรถรอบเกาะภายใน 7 วัน Day 3: จาก Arbot ไป Egilsstadir - Take Me Away
Posted at 14:01h, 06 August[…] เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง ขับรถรอบ… […]
เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง ขับรถรอบเกาะภายใน 7 วัน Day 5: จาก Vagnsstadir ไป Skogarfoss - Take Me Away
Posted at 09:03h, 08 August[…] […]
เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง ขับรถรอบเกาะภายใน 7 วัน Day 7: จาก Hvammsvegur ไป Reykjavik - Take Me Away
Posted at 16:44h, 08 November[…] […]