09 Dec เที่ยวโอกินาวะด้วยตัวเอง ตอนที่ 2 : แนะนำร้านโซบะโอกินาวะแสนอร่อยและเดินเล่นชิวๆใน Kokusaidori Street
หลังจากออกจากปราสาทมาก็มีความหิวโหยกันเป็นอย่างมาก เดินเข้าร้านมั่วๆปรากฎว่าครัวปิดไปอีก แต่เค้าก็ใจดีแนะนำร้านโซบะให้เรา ร้านนี้ชื่อว่า “Ryukyu Sabo Ashibiuna” น้ำซุปใสแต่รสชาติเจ้มจ้น มันหมูมีความนิ่มนุุ่มละลายในปาก อร่อยมาก อยากให้ทุกคนไปลอง ร้านเปิด 11 โมงถึงบ่าย 3 และจะเปิดอีกทีตอน 5 โมงเย็น ร้านจะอยู่ระหว่างทางที่เดินกลับจากปราสาทไปยังสถานี monorail นั่นแหละ อยู่ในซอยที่มี Lawson ตั้งอยู่ ก่อนถึงไปรษญีย์ พิกัด: Ryukyu Sabo Ashibiuna Map
หน้าพี่คือแป๊นแล๊นและฟินมากจริงๆ กินไป ชมสวนญี่ปุ่นสไตล์เซนไป ชิวว
เลือกจองที่พักที่ถูกที่สุดที่หาได้ในย่านนาฮะ เพราะพี่งก (เออ ง่ายๆงี้เลย) ฮ่าๆ ได้เป็น “Lohas Villas Hotel” ซึ่ง Location ดีมากๆเพราะใกล้กับถนนโคคุไซโดริ (Kokusaidori street) แหล่งช้อปปิ้งชื่อดังของโอกินาวะ เดินแบบ 2-3 นาทีถึง และก็ไม่ไกลจาก Monorail “Miebashi station” ด้วย เดินได้สบายไม่ถึง 10 นาที เป็น Hostel ห้องหญิงล้วนที่มีทั้งหมด 6 เตียง 3 ชั้นด้วยกัน ห้องน้ำรวม คืนแรก จัดไปเลยเตียงชั้น 3 วาบหวิวชอบกล แต่ไม่เป็นปัญหาสำหรับพี่เพราะแค่คืนละ 300 บาทเท่านั้น สะอาดเป็นพอ เรื่องสะอาดไว้ใจคนญี่ปุ่นได้อยู่แล้ว พอคืนต่อมาคนออกไป ก็ขอพนักงานเปลี่ยนที่นอนมาเป็นชั้น 2 แทน พี่นอนไป 4 คืน ค่าที่พักตกแค่ 1,200 เท่านั้น พิกัด : Lohas Villa Hotel Map สามารถดูข้อมูลเพิ่มเติมและจองได้ที่นี่เลยค่ะ Lohas Villa Hotel Booking
เพิ่งเคยเห็นเตียง 3 ชั้นก็วันนี้ ฮ่าๆ
จะบอกว่าโรงแรมตกแต่งเอาซะนึกถึงไทยเลย มัน summer มากๆ ดอกไม้เอย จักรสานต่างๆเลย นี่แอบคิดอยู่ว่าเค้ามาซื้อจากตลาดนัดจัตุจักรบ้านเราไปตกแต่งรึป่าวนะ ฮ่าๆ
Welcome to Kokusaidori Street ! yay
ทาร์ตมันม่วงในตำนาน อร่อยมากกก รสชาติมันม่วงที่แท้ทรู ไม่หวานมากจนเกินไป แป้งนุ่มละมุนลิ้นเด้อ ของฝากที่ขาดไม่ได้อย่างเด็ดขาด ! ของมันต้องมี พี่ซื้อเลย 2 กล่องใหญ่ ยังไม่พอเลยเธอ แต่เราซื้อที่สนามบินขากลับเพราะไม่อยากแบกไปมา แต่ถ้าอยากลองซื้อชิมดูก่อนที่นี่ก็ได้นะ ไม่แพงเลยกล่องละ 1,080 เยน 300 บาท มีทั้งหมด 10 ชิ้น ฟินๆกันไปเลย
ทำไมมันม่วงถึงขึ้นชื่อในโอกินาวะ?
เนื่องจากพื้นดินของโอกินะว่าเป็นชั้นดินโปร่ง ระบายน้ำได้ดี ไม่เหมาะกับการทำนา มันม่วงญี่ปุ่นหรือเรียกเป็นภาษาญี่ปุ่นว่าเบนิอิโมะ (Beni Imo) จึงถูกนำเข้ามายังเกาะโอกินาวะเพื่อทดลองปลูกตั้งแต่ปี 1605 จากฝูเจี้ยน ประเทศจีนโดยหน่วยงานควบคุมพืชผักของประเทศ (Nouguni-Soukan) พบว่าด้วยสภาพอากาศที่เหมาะสมและมันม่วงมีความทนต่อพายุที่รุนแรงของเกาะได้ดี สามารถเติบโตให้ผลผลิตได้ไม่มีปัญหา ทำให้การปลูกแพร่หลายมากขึ้น นอกจากนี้มันม่วงยังมีปริมาณไฟเบอร์ที่สูงกว่าและมีดัชนีน้ำตาลที่ต่ำกว่ามันเทศทั่วไป เมื่อทานเข้าไปจะถูกย่อยเป็นกลูโคสสู่กระแสเลือดช้าๆทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดขึ้นช้าไปด้วยจึงดีต่อผู้ป่วยเบาหวาน และยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่มีปริมาณสูงช่วยป้องกันและลดอาการโรคหัวใจหลอดเลือด ควบคุมระดับความดันเลือดและป้องกันการเกิดโรคมะเร็ง เพื่อการมีอายุยืนของชาวโอกินาวะซึ่งติดอันดับต้นๆของโลก
(Reference: http://www.orchidtropical.com and https://anngle.org)
พวงกุญแจทรายดาวอันแสนน่ารัก มีขายให้เห็นอยู่หลายร้าน เราซื้อกลับมาฝากเพื่อนๆหลายอันเลย
ชายหาด Kaijihama ที่เกาะ Teketomi มีทรายเป็นรูปดาวซึ่งจริงๆแล้วเป็นซากเปลือกของโปรโตซัวที่อาศัยตามพื้นทะเล สิ่งมีชีวิตในตระกูล Foraminifera มีโครงสร้างคล้ายห
Reference: travel.mthai.com
Reference: Pilgrim
เราอยากไปที่นี่มาก แต่ด้วยเวลาที่จำกัดและงบอันน้อยนิดที่มีทำให้เราต้องยอมแพ้ไป เนื่องจากต้องนั่งเครื่องบินข้ามเกาะ ไม่ได้มีการจองล่วงหน้ามาก่อนและตอนนั้นที่เช็คราคาค่อนข้างแพง แถมพวกเราก็ขับรถกันไม่เป็นซะด้วย เศร้า แต่ถ้าใครสะดวกแนะนำให้ไปที่นี่เลย คงฟินน่าดู ดูคลิปเพิ่มเติมจากรายการโปรดของเราได้เลย “Sugoi Japan” Kaijihama beach
“ชีซ่า” (Shisha) เจ้าส่วนผสมของสุนัขและสิงโต สามารถพบได้แทบทุกที่ในโอกินาวะ โดยเฉพาะตามบ้านเรือนและตั้งอยู่เป็นคู่หน้าทางเข้าของสถานที่ต่างๆ เพื่อใช้เป็นสิ่งที่คอยขับไล่วิญญาณชั่วร้ายไม่ให้มาเข้าใกล้ โดยได้รับอิทธิพลมาจากวัฒนธรรมจีนที่เรียกว่า “ชิชิ” ซึ่งมีหน้าที่เฝ้ารักษาพระราชวังของฮ่องเต้หรือสถานที่สำคัญอื่น ๆ
มีตำนานเล่าไว้ว่า ทูตจากจีนได้นำสร้อยประดับรูปตัวชีซ่ามาถวายให้แก่กษัตริย์ ณ ปราสาทชุริ เมื่อกษัตริย์พระองค์นั้นเสด็จเยือนหมู่บ้านมาดันบาชิซึ่งตั้งอยู่ริมอ่าวท่าเรือนาฮะ มังกรทะเลที่คอยสร้างความหวาดกลัวให้แก่ชาวบ้านก็ทำการโจมตี ตอนนั้นมีนักบวชหญิงท่านหนึ่งนามว่า “โนโระ” ได้นึกถึงความฝันของเธอและได้ฝากข้อความไปกับเด็กหนุ่มที่ชื่อ “จิกะ” เพื่อกราบทูลกษัตริย์ให้ไปยืนประทับอยู่ที่ชายหาดพร้อมกับให้ชูพระหัตถ์ขึ้นโดยถือรูปชีซ่าหันไปทางมังกรตัวนั้น เมื่อรูปของตัวชีซ่าอยู่ตรงหน้าสัตว์ประหลาด เสียงคำรามก็ดังกึกก้องไปทั่วทั้งหมู่บ้าน ทรงพลังมากขนาดที่มังกรเองยังตัวสั่น จากนั้นก้อนหินขนาดใหญ่ก็ร่วงหล่นลงมาจากสวรรค์ทับเข้าที่หางของมังกรทำให้ไม่สามารถขยับไปไหนได้และตายในที่สุด เมื่อเวลาผ่านไปหินก้อนนั้นกับร่างของมังกรก็ถูกปกคลุมด้วยต้นไม้และพืชพรรณต่างๆ และเชื่อว่ากลายมาเป็นป่ากานะมุย (Ganamui island) ในปัจจุบัน
(Reference: http://jpninfo.com)
ที่นี่ก็มีร้าน “ดงกิโอเตะ” (Don Quijote) ร้านสัญลักษณ์เพนกวินที่ขายมันทุกสิ่งอย่างที่คุณต้องการ และนักท่องเที่ยวอย่างเราชอบมากเพราะแค่โชว์ passport เราก็ไม่ต้องเสีย VAT ภายในประเทศเค้าแล้ว ร้านดงกิที่นี่ขนาดใหญ่มากและมีหลายชั้น เป็นตึกทั้งหลังกันไปเลย สายช้อปคือฟินแน่นอน เราเองไม่ได้ซื้ออะไรมาก ยังแวะตั้ง 2-3 รอบ ฮ่าๆ
ของตกแต่งเกี่ยวกับท้องทะเลก็ทำออกมาได้อย่างน่ารัก สมกับเป็นญี่ปุ่นจริงๆ
แวะอุดหนุนกำไรที่มีลูกปัดที่หากโดนไฟแล้วจะเรืองแสงได้ที่ร้านนี้ ลูกของพี่เจ้าของร้านน่ารักมาก
หน้าตึกร้านดงกิจะมีร้านขายรองเท้าแตะแฮนเมดที่ถูกแกะสลักให้เป็นลวดลายต่างๆได้ตามใจชอบ น่ารักมาก พี่แพ้ของ handmade เลยจัดไปหนึ่งคู่ เแกะสลักเป็นพี่เองพร้อมชื่อภาษาญี่ปุ่น ดอกชบาสัญลักษณ์ของโอกินาวะ และเลือกสีรองเท้าที่ชอบสีชมพู ฮ่าๆ ชอบมากๆ ราคามากน้อยขึ้นอยู่กับลาย แล้วฉันก็จัดซะเต็มเลยละ ราคารวมประมาณ 900 บาทไทย แอบแพงแต่พี่ว่ามันคุ้มค่านะ ไม่เคยเห็นแบบนี้ที่ไหนมาก่อน เพื่อนบอกว่าให้ค่าแกะสลักพี่เค้า
ร้าน Uchina-ya
พิกัด : Uchina-ya Map
แถมเจ้าของร้านก็น่ารักเช่นกัน พี่เค้าเคยมาเที่ยวไทยแล้วครั้งนึงแล้วชอบประเทศเรามาก หนึ่งเหตุผลเลยก็คือของที่ไทยถูก แล้วมีแพลนจะไปเที่ยวไทยอีกครั้งนึง เลยมีการขอ contact กันไว้ แถมหลังเลิกงานพี่เค้ายังพาไปกินร้าน Izagaya ร้านกินดื่มสไตล์โอกินาวะ ลองกินอาหารโอกินาวะกันดู อร่อยทุกอย่างเลย กินอาหารโอกินาวะไป ฟังเพลงสไตล์โอกินาวะไป ฟินนน จนผ่านไปปีกว่าเค้าก็มาไทยอีกครั้งเมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา และได้ไปตลาดนัดรถไฟรัชดาด้วยกันซึ่งบังเอิญเป็นที่ๆเค้าอยากไปพอดี แถมยังเอาทาร์ตมันม่วงมาฝากอีก ทำให้พี่คิดถึงโอกินาวะสุด
วิวนี้มีคนถามมาว่าต้องไปถ่ายที่ไหน เพื่อนเราเป็นคนพามาแค่ขึ้นลิฟท์มาที่ลานจอดรถ ชะโงกหน้าออกมาดูก็เจอแล้ว นี่น่าจะประมาณชั้น 4-5 อย่าว่าแต่คนญี่ปุ่นเลย แว๊บแรกที่เราเห็นเรายัง “โหหห สวยจัง” คนญี่ปุ่นได้มาเดินเล่นที่นี่และเห็นวิวนี้ก็ชอบมาก อะไรก็น่ารัก สุดยอด ดีและถูกสำหรับพวกเขาไปหมด จะได้ยินเค้าพูดว่า Kawaii (น่ารัก), Sugoi (สุดยอด), Ureshi (ดีใจ, มีความสุข) ตลอดเวลา หัวเราะกันเสียงดัง เห็นแล้วก็นึกถึงตอนที่ตัวเองกับเพื่อนได้ไปโอกินาวะเมื่อปีที่แล้ว July 2017 พวกเราตื่นเต้นกับทุกอย่าง ทุกอย่างในญี่ปุ่นน่ารักสำหรับเราไปซะหมด ถึงเวลาจะผ่านไปปีกว่าแล้วแต่นึกถึงเมื่อไหร่ก็ยิ้มได้ นั่งเขียนบล็อกไปก็คิดถึงความทรงจำดีๆเหล่านั้นไป ขอให้ทุกคนที่ได้ไปโอกินาวะ มีช่วงเวลาที่ดีๆกลับมาเป็นของฝากกันทุกคนเลยนะคะ
เดินๆไปก็จะเจอร้านนี้ Creamia โคนหอมเนยสุดด ไอติมวนิลลาก็ดีย์ ต้องลอง
อ่านตอนก่อนหน้าได้ที่นี่ : ตอนที่ 1 : ลองเที่ยวเกาะใต้ของญี่ปุ่นบ้างดีกว่า
อ่านตอนต่อไปได้ที่นี่ : ตอนที่ 3 : เกาะมินนะจิมะ Summer Paradise (Minnajima Island)
เที่ยวโอกินาวะด้วยตัวเอง ตอนที่ 1 : ลองเที่ยวเกาะใต้ของญี่ปุ่นบ้างดีกว่า - Take Me Away
Posted at 12:15h, 09 December[…] […]
เที่ยวโอกินาวะด้วยตัวเอง ตอนที่ 3 : เกาะมินนะจิมะ Summer Paradise (Minnajima Island) - Take Me Away
Posted at 16:08h, 09 December[…] […]