รีวิวเที่ยวยุโรป Tag

คาซา มิลา (Casa Mila) หรือลา เปเดอรา (La Pedrera) เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เราค้นหาข้อมูลที่เที่ยวบาร์เซโลนาแล้วอยากไป เป็นเพียงแค่อพาร์ทเม้นท์แห่งหนึ่ง แต่ปัจจุบันกลายเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของบาร์เซโลนาเนื่องจากเป็นอีกหนึ่งผลงานของเกาดี (Gaudi) โดยยังคงความแปลกในแบบฉบับของเค้า แต่ด้านในกลับซ่อนความสวยงามที่ได้แรงบันดาลใจมาจากธรรมชาติอีกเช่นเคย ในวันเดียวกัน ช่วงบ่ายเราไปเที่ยวปาร์ค กูเอล (Park Guell) สวนสาธารณะเก่าแก่ที่ตั้งอยู่บนเขา เมื่อมองมาด้านล่าง สามารถเห็นวิวของเมืองบาร์เซโลนาคู่กับทะเลเมดิเตอร์เรเนียนได้ ส่วนช่วงเช้าเราแวะมาเที่ยวที่คาซา มิลา (Casa Mila) ในย่าน Passeig de Gràcia หนึ่งในย่านที่เรียกได้ว่าชิคที่สุดในบาร์เซโลน่าตั้งแต่ช่วงปี 1900 เป็นย่านเศรษฐกิจ เต็มไปด้วยเหล่าร้านอาหาร คาเฟ่ โรงหนัง และร้านค้ามากมาย ตึกใหม่ๆ หลายแห่งพากันแย่งขึ้นเต็มไปหมดในยุคนั้น คาซา มิลา (Casa Mila) สร้างมาตั้งแต่ปี 1906 -...

ปาร์ค กูเอล (Park Guell) เป็นอีกหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวที่เราตั้งใจจะไปเมื่อเดินทางมาถึงเมืองบาร์เซโลนา ประเทศสเปน ส่วนสถานที่แรกที่เราไปมาแล้วก็คือซากราดาฟามีเลีย (Sagrada Familia) โบสถ์ขนาดใหญ่ใจกลางเมืองที่ไม่เหมือนโบสถ์ที่ไหนในโลก ฝีมือของเกาดี (Gaudi) สถาปนิกชื่อดัง หากลองค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวในบาร์เซโลนา เหล่าอาคารสถาปัตกรรมต่างๆ ที่ถูกออกแบบโดยสถาปนิกคนนี้จะขึ้นโชว์มาเป็นแถวๆ หนึ่งในนั้นก็คือปาร์ค กูเอล (Park Guell) สวนเก่าแก่บนเขาคาร์เมล (Carmel) กลางเมืองบาร์เซโลนาแห่งนี้นั่นเอง มุมนี้คือมุมฮิตที่ถูกใช้เป็นรูปโฆษณาที่น่าจะเห็นกันอยู่บ่อยๆ ต้องเดินเข้ามาในสวนซักพักเลย กว่าจะถึงทางเข้าจริงๆ ที่มีพนักงานยืนรอเช็คตั๋วอยู่ จากนั้นให้เดินเข้าไปทางซ้ายมือที่เป็นบริเวณของเก้าอี้เซรามิกยาวบนพื้นที่ขนาดกว้าง พร้อมกับนักท่องเที่ยวที่กำลังนั่งเล่นอยู่ที่นี่เยอะมาก จากมุมนี้เราสามารถเห็นวิวของเมืองบาร์เซโลนาได้อย่างกว้างขวางแถมยังเห็นวิวทะเลอยู่ไกลๆ ด้วย ตอนเราไปเค้ากำลังปิดปรับปรุงบางส่วนอยู่ด้วย แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยงามของที่นี่ลดน้อยลงไปเลย เพราะเสน่ห์ของที่นี่คือรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่มีอยู่ในทุกซอกทุกมุมจริงๆ มุมนี้มีคิวคนยืนรอถ่ายรูปคู่เยอะมาก โดยเฉพาะสาวๆ เราเลยแอบขยับมาอีกหน่อย จะได้ถ่ายได้เลย ไม่ต้องรอนานเพียงเพราะแค่อยากได้รูป ฮ่าๆ ปาร์ค กูเอล (Park Guell) เป็นสวนที่มีความเก่าแก่มาก สร้างมาตั้งแต่ปี...

ซากราดาฟามีเลีย (Sagrada Familia) เป็นโบสถ์ขนาดใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในเมืองบาร์เซโลนา (Barcelona) ประเทศสเปน (Spain) ในปัจจุบัน ใช้เวลาสร้างนานกว่าชั่วอายุคน ปัจจุบันผ่านมากว่า 137 ปีก็ยังไม่แล้วเสร็จ แม้ศิลปินผู้ออกแบบอย่าง 'เกาดี' จะจากโลกนี้ไปแล้วกว่า 93 ปี เขาได้ใช้ชีวิตบั้นปลายทุ่มเทให้กับผลงานชิ้นนี้เพียงชิ้นเดียวเท่านั้น "My good friends are dead; I have no family and no clients, no fortune nor anything. Now I can dedicate myself entirely to the Church" เกาดี (Gaudi) มีชื่อเต็มๆว่า แอนโทนี...

เที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne) คงไม่สมบูรณ์ถ้าไม่ได้พูดถึงมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) ซึ่งเป็นจุดหมายของเราในการกลับมาเที่ยวเยอรมันในครั้งนี้ แต่ความตั้งใจจริงๆของเราคือการมาเยี่ยมเพื่อนสนิทของแฟนชาวเยอรมันที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างหาก (เราเลยประหยัดค่าที่พักไปได้ตั้ง 3 คืนด้วย เย่!) พวกเราเดินทางมาที่เมืองโคโลญด้วยเครื่องบินจากเมืองคราคลุฟ (Krakow) ประเทศโปแลนด์ (Poland) หลังจากแวะไปที่พิพิธภัณฑ์ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ (Auschwitz concentration camp museum) ในราคาประมาณ 50 ยูโร (1,700 บาท) ต่อคนผ่านการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกผ่าน Skyscanner ลานทรายสำหรับเด็กที่หน้าอพาร์ทเมนต์ของเพื่อนชาวเยอรมัน สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองโคโลญ (Cologne) Chocomel เป็นเครื่องดื่มช็อกโกแลตที่เราชอบมากตั้งแต่ตอนไปเที่ยวเนเธอร์แลนด์แล้ว เพิ่งรู้ว่ามีขายที่เยอรมันด้วย! พวกเราเหนื่อยกันมากกว่าจะพากันแบกกระเป๋าเป้หนักๆและหาทางเดินจากสถานีรถไฟไปที่ที่พักของเพื่อนได้ถูก พอไปถึงแฟนของเพื่อนที่เพิ่งกลับมาจากงานประจำก็ต้อนรับพวกเราด้วยรอยยิ้ม เธอกำลังเตรียมอบพิซซ่าที่ทำด้วยตัวเองที่บ้านสำหรับมื้อเย็นของพวกเราอยู่พอดีเลย เพียงแค่ต้องรอเพื่อนของแฟนเราที่ต้องเดินทางมาจากอีกเมืองด้วยรถไฟเท่านั้น เพราะพวกเขากำลังจะไปเที่ยวอิตาลีด้วยกันเร็วๆนี้ เราเองก็อยากกินพิซซ่าที่อิตาลีกับเขาบ้าง! เที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne): มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) โบสถ์ใหญ่มาก ถ่ายรูปยังไงก็เก็บไม่หมด เมืองโคโลญเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศเยอรมันรองมาจากเมืองเบอร์ลิน ฮัมบูร์ก...

คริสเทเนีย (Christiania) เป็นชื่อของชุมชนแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงโคเพนเฮเกน (Copenhagen) เมืองหลวงของประเทศเดนมาร์ก (Denmark) ประเทศที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความสุขมากที่สุดในโลกในปี 2019 ที่เพิ่งผ่านมานี้ เราได้ยินชื่อของที่นี่ครั้งแรกจากรายการโปรดอย่างรายการพื้นที่ชีวิต (Life Explorer) ในตอน คริสเทเนีย วิถีเสรีชน ที่ได้เล่าเรื่องราวของสถานที่ ผู้คน และวิถีชีวิตของพวกเขาในชุมชนอิสระแห่งนี้ไว้ได้อย่างน่าสนใจ ที่ๆให้ความสำคัญอย่างมากต่อ "อิสรภาพ" ในการใช้ชีวิต ทางเข้าคริสเทเนียจากบริเวณด้านหลัง ใกล้กับทะเลสาบ คำพูดนึงของคุณเอเมอร์ริค ชาวคริสเทเนียคนนึงที่เราได้ฟังจากวิดีโอตอนนั้นที่เราชอบมาก นั่นก็คือ "ผมไม่เห็นด้วยกับการยึดถือครอบครอง อากาศ น้ำ และผืนแผ่นดิน นั่นเป็นแนวคิดที่ผิดพลาดอย่างสิ้นเชิง การที่ใครก็ตามถือสิทธิ์เป็นเจ้าของแผ่นดินผืนนี้ ผืนนั้น เป็นเรื่องที่แย่มาก และผมเห็นว่าระบบที่ธุรกิจการค้า การตลาดกำลังเป็นพระเจ้าดังที่เป็นอยู่ในสังคมตะวันตก เป็นเรื่องที่ผิดพลาดอย่างยิ่ง และสิ่งนี้จะเป็นสิ่งที่ทำลายเราทั้งหมดในที่สุด เพราะเรากำลังวัดทุกอย่างด้วยเงิน ถ้าเราวัดสิ่งต่างๆด้วยเงิน เราก็จะปิดโอกาสของหัวใจ เราควรจะวัดความสำเร็จของกิจกรรมต่างๆโดยดูว่าสิ่งนั้นมันดีกับชุมชน สังคม หรือช่วยทำให้โลกใบนี้อยู่รอดปลอดภัยมากขึ้นไหม ปัจจุบันเงินส่วนใหญ่มาจากการขุดเจาะผืนดิน สูบเอาน้ำมัน เอาน้ำ...

กำแพงเลนนอน (Lennon Wall) วันต่อๆมา เราเข้ามาในตัวเมืองของปรากอีกครั้งแล้วพากันตรงดิ่งมาที่ กำแพงเลนนอน (Lennon Wall) ก่อนเป็นที่แรก ซึ่งเป็นที่ๆมีสตรีทอาร์ตที่ได้แรงบันดาลใจมาจากจอหน์ เลนนอน (John Lennon) ศิลปินชื่อดังจากวง The Beatle มาตั้งแต่ปี 1980 เป็นที่รู้จักกันดีว่านักร้องคนนี้ไม่ใช่แค่มีแต่เพลงดังเท่านั้น แต่ยังเป็นเพลงที่มีความหมายดีและสื่อถึงสันติภาพอีกด้วย โดยเฉพาะในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองและสงครามเวียดนามในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่อย่างเพลง Imagine เพลงฮิตตลอดกาลที่เคยพูดถึงอยู่หลายครั้งในบล็อกเพราะเป็นอีกหนึ่งเพลงโปรดของเรา :) ประตูทางเข้า ด้านในมีร้านขายงานอาร์ตและสวนเล็กๆตั้งอยู่ กลุ่มคนกำลังเล่นโยคะกันใต้ต้นไม้ใหญ่ บริเวณสวนภายในมีคนกำลังนั่งเล่นและกลุ่มคนกำลังเล่นโยคะกันใต้ต้นไม้ใหญ่อยู่ด้วย ชิวจัง พี่ชอบ เราเดินเข้าไปดูร้านขายของอาร์ตเสร็จแล้ว เดินออกมา อยู่ๆดีๆก็จามขึ้นมาเฉย จนฝรั่งคนนึงที่กำลังนั่งเล่นอยู่ในสวนกับแฟนของเขาบอกเรากลับมาให้ได้ยินพร้อมกับรอยยิ้มว่า "Bless You" เราก็หัวเราะแล้วก็ตอบกลับไปว่า "Thank you" แล้วรีบเดินออกมาเพราะแอบอายเล็กน้อย หวังว่าจะไม่เป็นการทำลายสมาธิของคนที่กำลังเล่นโยคะกันอย่างตั้งใจ ฮ่าๆ แอบเห็นป้ายราคาสอนโยคะประมาณ 1.15 หรือ 1.30 ชั่วโมงในราคาเพียง 5 ยูโรเท่านั้น...

จตุรัสเมืองเก่าของปราก (Old Town Square, Prague) หลับสบายอยู่ในสวนได้ไม่นานก็ต้องปลุกตัวเองให้ตื่นขึ้นมา เพราะปรากยังมีอะไรอีกเยอะแยะที่น่าสนใจรอเราอยู่ กลับเข้ามาในใจกลางเมืองปรากกันอีกครั้ง นี่คืออีกหนึ่งตัวอย่างความทัวร์ริสตี้ของปราก มีเหล่าสารพัดหมีมาคอยสร้างสีสันให้กับนักท่องเที่ยวที่จัตุรัสเมืองเก่าของปราก (Old Town Square, Prague) เดินไปมาทั่วจริงๆ ไม่ว่าจะโซนของเมืองเก่าหรือโซนของเมืองใหม่ก็ตาม เห็นแล้วก็ทำให้ยิ้มได้นะ ขำๆดี เด็กๆก็คงจะชอบกันมาก หรือจะเป็นคนทาสีตัวเองทั้งตัวแล้วทำเหมือนว่าตัวเองเป็นรูปปั้นอย่างในภาพ นักท่องเที่ยวคนไหนอยากเข้าไปถ่ายรูปหรือชื่นชอบก็ช่วยหย่อนเงินเล็กน้อยๆให้ได้ แต่เราแทบจะไม่เคยเสียเงินให้กับอะไรแบบนี้เลย เพราะด้วยความงกของพี่ที่มีมันรั้งพี่เอาไว้ ฮ่าๆ พิกัด/แผนที่จตุรัสเมืองเก่าของปราก (Old Town Square, Prague): จัตุรัสเมืองเก่าของปราก (Old Town Square, Prague) Google Map โบสถ์ที่อยู่ด้านหลังตั้งเด่นอยู่เลยก็คือโบสถ์ที่มีชื่อว่า Church of Our Lady before Týn ซึ่งเป็นศิลปะแบบโกธิค เป็นโบสถ์มีความสำคัญกับปรากมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 ภายนอกจะสังเกตเห็นทองลักษณะกลมอยู่ตรงกลางด้านบนซึ่งเป็นรูปของพระแม่มารี ใครอยากแวะเข้าไปดูข้างใน...

เดินเล่นชิวๆในตัวเมืองปราก อย่างกะตรอกไดแอกอน สวีทจัง ตึกเก่าสวยๆเต็มไปหมด ต่อไปเรามาดูภาพบรรยากาศในใจกลางเมืองปราก (Prague) กันบ้างดีกว่าค่ะ บอกเลยว่าปราก (Prague) เป็นอีกเมืองหนึ่งที่สวยมาก เป็นหนึ่งในเมืองที่เราชอบที่สุดในทริปยุโรปครั้งนี้เลย ที่นี่เต็มไปด้วยตึกเก่าที่มีสีสันสวยงาม บางตึกถูกเพ้นท์ภาพสวยๆลงบนตัวตึกแทบทั้งหลังดึงดูดให้เราแหงนไปมองความสวยงามนั้นอยู่บ่อยๆ มีรถรางวิ่งผ่านเมืองให้บรรยากาศของเมืองเก่า สามารถเดินดูนู่นนี่ทั่วใจกลางเมืองได้แบบไม่มีเบื่อเลย ซึ่งสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินที่ใกล้ที่สุดกับแลนมาร์คของเมืองปราก (Prague) อย่างสะพานชาลส์ (Charles Bridge) ก็คือสถานี Staroměstská (Staroměstská Google Map) หรือสถานี Malostranská (Malostranská Google Map) ค่ะ แล้วเดินต่ออีกแค่ 9 - 12 นาทีถึง สะพานชาลส์ (Charles Bridge) สะพานชาลส์ (Charles Bridge) ชิวจังคุณลุง รูปปั้นของจักรพรรดิคาร์ลที่ 4 (Charles IV Statue in Prague) ตั้งอยู่ใกล้กับสะพานชาลส์ (Charles Bridge) ถึงแล้ว...

เที่ยวเมืองเดรสเดน (Dresden) ใน 1 วัน เดรสเดน (Dresden) เป็นเมืองในประเทศเยอรมันที่ถูกทำลายอย่างหนักจากระเบิดของกองทัพอากาศอเมริกันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 พอๆกับเมืองโคโลญจน์ (cologne) แต่ผู้คนในเมืองร่วมด้วยช่วยกันทำให้เมืองนี้ได้กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง เดรสเดนที่เราเห็นในวันนี้จึงกลายเป็นเมืองที่คลาคล่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวมากมาย มีร้านขายของที่ระลึกที่ขายของตกแต่งสำหรับเทศกาลคริสต์มาสน่ารักๆกันตั้งแต่เดือนสิงหาคม มีตึกสวยรายล้อมอยู่หลายหลัง และมีโบสถ์ที่สวยงามและขนาดใหญ่มากตั้งตระหง่านอยู่ตรงใจกลางเมืองเปรียบเหมือนกับหัวใจของเมืองนี้ นั่นก็คือโบสถ์แม่พระเดรสเดิน (Dresden Frauenkirche, เดรสเดินเฟราเอินเคียร์เชอ) เป้าหมายที่เราตั้งใจมากันในวันนี้นั่นเอง ภาพตรงหน้าที่ได้เห็นในตอนนี้ลบภาพความจริงที่เคยเกิดขึ้นไปเลยว่า โบสถ์หลังนี้เคยถูกระเบิดพังจนแทบไม่เหลือชิ้นดีมาก่อน โบสถ์แม่พระเดรสเดน (Dresden Frauenkirche) ในปัจจุบัน August 2019 โบสถ์แม่พระเดรสเดน (Dresden Frauenkirche) ที่ถูกทำลายอย่างหนัก ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 บนโปสต์การ์ดในร้านขายของที่ระลึกในเมืองเดรสเดน วันนี้เรามาเที่ยวเมืองเดรสเดน (Dresden) เป็นเวลา 1 วันกับครอบครัวของพี่สาวแฟนกัน โดยขับรถมาจากเมืองไลพ์ซิก (Leipzig) ซึ่งเดรสเดน (Dresden) เป็นเมืองที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 3 ในรัฐแซกโซนี รองมาจากเมืองไลพ์ซิก...

เที่ยวไลพ์ซิกด้วยตัวเอง: บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก ที่พักอาศัยของคนไลพ์ซิกในประเทศเยอรมันส่วนใหญ่จะเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่มีขนาดเล็กและใหญ่ต่างกันออกไป ซึ่งภายในอพาร์ทเม้นท์นั้นจะถูกแบ่งออกอย่างเป็นสัดส่วน มีทั้งห้องนอน ประมาณ 2-3 ห้อง ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว โต๊ะกินข้าว และมีส่วนของบาร์โคนี่ด้านนอกอยู่ด้วย ซึ่งเป็นบริเวณที่คนเยอรมันเค้าเอาไว้นั่งสังสรรค์กับเพื่อนๆหรือครอบครัวเวลาพวกเขามาเยี่ยมที่บ้าน ดื่มเบียร์กันตามประสาคนเยอรมันพร้อมทั้งปิ้งบาร์บีคิวอร่อยๆกินกันไปด้วย ด้วยการที่ลักษณะของที่พักอาศัยถูกเปลี่ยนจากบ้านมาเป็นอพาร์ทเม้นท์แทนเพราะมีประชากรในพื้นที่ในไลพ์ซิกเยอะมากขึ้น ก็เลยเกิดพื้นที่ของบ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิกอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วเมือง ซึ่งเกิดจากการปล่อยให้เช่าพื้นที่เพื่อสร้างสวนของตัวเองขึ้นมาได้ในราคาถูกมากประมาณ 240 ยูโร (8,000 บาท) ต่อปีเท่านั้น หรือราคาถูกกว่านี้ก็มี ใครไปเที่ยวที่เมืองนี้อาจจะสังเกตเห็นสวนต่างๆในพื้นที่กว้างแบบนี้อยู่หลายแห่งตอนนั่งรถไฟหรือเวลาเดินผ่านตามตรอกซอกซอยต่างๆของโซนที่อยู่อาศัยของคนที่นี่ พื้นที่สวนแบบนี้ถูกทำขึ้นมาจากกลุ่มคนที่รวมตัวกันจัดตั้งองค์กรให้เช่าพื้นที่ทำสวนเพื่อทำให้ในเมืองยังคงมีพื้นที่สีเขียวแบบนี้อยู่ พร้อมตอบสนองความต้องการของคนไลพ์ซิกที่ยังอยากมีสวนเล็กๆเป็นของตัวเองไว้ปลูกดอกไม้ ต้นไม้ และพืชผักผลไม้ที่ตัวเองต้องการได้ แม้จะไม่มีบ้านเป็นหลังๆก็ยังสามารถมีพื้นที่สวนแบบนี้ไว้สร้างบ้านไม้หลังเล็กๆไว้เก็บอุปกรณ์ทำสวน มีพื้นที่สำหรับตั้งโต๊ะบาร์บีคิวไว้สังสรรค์กับเพื่อนและครอบครัวในช่วงซัมเมอร์ได้ด้วย เราว่าเป็นความคิดที่ดีมากๆ ทำให้ไลพ์ซิกเป็นเมืองไม่ได้มีแต่ตึกอพาร์ทเม้นท์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเมืองที่น่าอยู่ เพราะมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่แบบนี้อยู่ทั่วเมืองมากกว่า 50 แห่ง ! เที่ยวไลพ์ซิกด้วยตัวเอง: วัฒนธรรมการกินของคนเยอรมัน เราเคยเล่าเกี่ยวกับอาหารเช้าของคนยุโรปไว้ใน แชร์ประสบการณ์ใช้ชีวิต 1 อาทิตย์ในบ้านคนดัตช์ ซึ่งอาหารเช้าของทั้งคนดัตช์และคนเยอรมันเองก็ไม่ได้ต่างกันเลยค่ะ แต่ละบ้านจะมีเครื่องชงกาแฟอย่างดีติดบ้านไว้เพราะคนยุโรปเขาชอบดื่มกาแฟกันมาก วันๆนึงดื่มกันหลายแก้วเลยทั้งเช้า กลางวัน เย็น...