เที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne) ประเทศเยอรมัน (Germany) ใน 1 วัน: มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

เที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne) ประเทศเยอรมัน (Germany) ใน 1 วัน: มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

เที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne) คงไม่สมบูรณ์ถ้าไม่ได้พูดถึงมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) ซึ่งเป็นจุดหมายของเราในการกลับมาเที่ยวเยอรมันในครั้งนี้ แต่ความตั้งใจจริงๆของเราคือการมาเยี่ยมเพื่อนสนิทของแฟนชาวเยอรมันที่อาศัยอยู่ที่นี่ต่างหาก (เราเลยประหยัดค่าที่พักไปได้ตั้ง 3 คืนด้วย เย่!) พวกเราเดินทางมาที่เมืองโคโลญด้วยเครื่องบินจากเมืองคราคลุฟ (Krakow) ประเทศโปแลนด์ (Poland) หลังจากแวะไปที่พิพิธภัณฑ์ค่ายกักกันเอาช์วิทซ์ (Auschwitz concentration camp museum) ในราคาประมาณ 50 ยูโร (1,700 บาท) ต่อคนผ่านการค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกผ่าน Skyscanner

ลานทรายสำหรับเด็กที่หน้าอพาร์ทเมนต์ของเพื่อนชาวเยอรมัน

สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองโคโลญ (Cologne)

สถานีรถไฟฟ้าใต้ดินในเมืองโคโลญ (Cologne)
Chocomel
Chocomel เป็นเครื่องดื่มช็อกโกแลตที่เราชอบมากตั้งแต่ตอนไปเที่ยวเนเธอร์แลนด์แล้ว เพิ่งรู้ว่ามีขายที่เยอรมันด้วย!

พวกเราเหนื่อยกันมากกว่าจะพากันแบกกระเป๋าเป้หนักๆและหาทางเดินจากสถานีรถไฟไปที่ที่พักของเพื่อนได้ถูก พอไปถึงแฟนของเพื่อนที่เพิ่งกลับมาจากงานประจำก็ต้อนรับพวกเราด้วยรอยยิ้ม เธอกำลังเตรียมอบพิซซ่าที่ทำด้วยตัวเองที่บ้านสำหรับมื้อเย็นของพวกเราอยู่พอดีเลย เพียงแค่ต้องรอเพื่อนของแฟนเราที่ต้องเดินทางมาจากอีกเมืองด้วยรถไฟเท่านั้น เพราะพวกเขากำลังจะไปเที่ยวอิตาลีด้วยกันเร็วๆนี้ เราเองก็อยากกินพิซซ่าที่อิตาลีกับเขาบ้าง!

เที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne): มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

โบสถ์ใหญ่มาก ถ่ายรูปยังไงก็เก็บไม่หมด

เมืองโคโลญเป็นเมืองที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศเยอรมันรองมาจากเมืองเบอร์ลิน ฮัมบูร์ก และมิวนิคตามลำดับ เป็นหนึ่งในเมืองที่มีความเก่าแก่มากที่สุดของประเทศเยอรมัน ถูกค้นพบและก่อตั้งมาตั้งแต่ปีค.ศ. 1 เพราะฉะนั้นเมืองโคโลญนี้มีอายุอานามโดยรวมถึง 2000 กว่าปีแล้ว! ประชากรในเมืองทั้งหมดมีประมาณ 1 ล้านคน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ที่นี่ถูกระเบิดจนทำลายเมืองแทบจะทั้งหมด โชคดีที่แลนมาร์กทางประวัติศาสตร์ที่สำคัญของเมืองอย่างมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) นั้นรอดมาได้ ทำให้เราและผู้คนจากทั่วโลกได้มีโอกาสมาเยี่ยมเยียนกันจนถึงปัจจุบัน

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

พวกเราสามารถเดินเข้าไปดูภายในของมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) ได้ฟรีโดยไม่ต้องซื้อตั๋วค่าเข้าเลยค่ะ หลังจากที่สามารถฝ่าฝูงชนเข้าไปข้างในแล้ว เราก็จะได้เห็นและรู้สึกได้ถึงความยิ่งใหญ่ของมหาวิหารที่หลายๆคนต้องเผลอร้อง ‘โห’ แล้วยิ้มขึ้นมาเหมือนเรากันบ้างแน่ๆ ภายในเพดานสูงมาก พื้นที่ภายในก็กว้างขวางจนสามารถจุคนได้แบบนับไม่ถ้วน กระจกสีที่อยู่ภายในรายล้อมโบสถ์ก็มีขนาดใหญ่และสวยงาม ไซส์ของโบสถ์ที่นี่ใหญ่โตกว่าโบสถ์ธรรมดาที่เราไปเยี่ยมมาก่อนหน้านี้มากนัก เหมือนทุกอย่างถูกขยายออกมาจากโบสถ์ทั่วไปอีกหลายเท่าตัว รู้สึกได้เลยว่าเราเป็นเพียงแค่มนุษย์ตัวจ้อยเท่านั้น ณ สถานที่แห่งนี้

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

ที่นี่ใหญ่โตกว่าโบสถ์โรมันคาทอลิกที่อื่นเพราะเป็นโบสถ์ระดับอาสนวิหาร (Cathedral) สำหรับมุขนายกของเมืองนี้ แต่ก่อนถูกใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีกรรมของสามมหากษัตริย์แห่งจักรพรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งหีบศพของพวกเขาก็ถูกเก็บไว้ที่นี่ในภายหลังด้วย ใช้เวลายาวนานถึง 600 ปีกว่าจะสร้างโบสถ์หลังนี้เสร็จในปี ค.ศ.1880 ที่รอดมาได้จากระเบิดในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เป็นเหมือนดังปาฏิหาริย์สำหรับชาวเมือง แต่ก็มีข้อสันนิษฐานว่าเพราะที่นี่เป็นจุดสังเกตได้ดีสำหรับนักบินเลยทำให้รอดมาได้ ด้วยความเก่าแก่ ยิ่งใหญ่ และมีความสำคัญขนาดนี้ ทำให้ที่นี่เป็นหนึ่งในมรดกโลกอีกด้วย มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) เป็นวิหารลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิกที่สูงที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก ปัจจุบันมีคนมากมายจากทั่วโลกราว 20,000 คนมาเที่ยวกันที่นี่ในแต่ละวัน

เที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne): ความงามร่วมที่เกิดจากสิ่งก่อสร้างของมนุษย์ร่วมกับธรรมชาติ

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

พวกเราเดินไปมาภายในโบสถ์เพื่อชื่นชมกันซักพัก ก็พากันมานั่งเล่นอ่านหนังสืออยู่ที่มุมขวาบริเวณหลังสุดของโบสถ์ ตรงที่คนไม่ค่อยเยอะเท่าไหร่ กำลังอ่านหนังสือไปได้นิดหน่อย เราก็บังเอิญหันไปเห็นลำแสงหลากสีสันอยู่บนผนังของโบสถ์ที่อยู่ใกล้ๆ หันไปดูข้างๆกัน เป็นเพราะมีบานกระจกหลากสีอยู่บนกำแพงของโบสถ์ด้านบนนั่นเอง ทำให้แสงอาทิตย์จากด้านนอกส่องผ่าน ออกมาเป็นแสงสะท้อนที่สวยงามแบบนี้ให้เราได้เห็น เรานั่งอ่านหนังสือไป พร้อมหันไปมองแสงสีสวยที่มุมนี้ไปด้วยอยู่หลายครั้ง สวยจัง! มุมนี้เป็นมุมสวยที่สุดของมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) สำหรับเราเลย ใครมาเที่ยวที่นี่ ก็อย่าลืมมาแวะนั่งพักซักนิด ดูแสงสะท้อนจากกระจกสีสันสวยงามแบบนี้ตรงมุมขวาด้านหลังสุดของโบสถ์กันนะคะ

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

พวกเราอยู่ภายในโบสถ์กันค่อนข้างนาน เพราะอยากใช้เวลากับที่นี่มากกว่าแค่มาดูแป๊ปๆ แล้วก็ไป เลยเริ่มหิวกันซะแล้ว เลยเดินออกมาข้างนอกเพื่อหาของกินราคาถูกรองท้องกันที่สถานีรถไฟที่อยู่ใกล้ๆกันนั่นก็คือ สถานีรถไฟ Köln Hauptbahnhof ข้างในมีร้าน Currywurst เล็กๆอยู่ร้านนึง ราคาไม่แพงมาก พวกเราเลยแวะกินที่นี่กัน ได้กลับมาเยอรมันทั้งที่ ได้กิน street food ของที่นี่อย่าง Currywurst แค่นี้ก็แฮปปี้แล้ว

เที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne): หาของวางทานใน สถานีรถไฟ Köln Hauptbahnhof

Currywurst

Currywurst ไซส์ L ราคา 3.59 ยูโร (123 Baht)

พอกินเสร็จ กำลังจะเดินออกด้านนอก ฝนดันตกหนักขึ้นมาอยู่พอดี เลยต้องเลี้ยวกลับเข้าไปในสถานีรถไฟเพื่อหลบฝนกัน ดีนะมีขนมอยู่ในมือพอดี ขนมที่ทำจากโอรีโอที่นี่มีหลากหลายมาก เราเห็นเป็นไม่ได้ต้องซื้อมาลองกินทุกที นั่งกินขนมก็แล้ว ดูรถไฟเคลื่อนเข้าเคลื่อนออกศาลาก็แล้ว เลยพากันเดินออกไปข้างนอก ฝนเริ่มตกปรอยๆแทนแล้ว เราเลยตัดสินใจเดินออกไปข้างนอกกัน แต่เดินออกมาได้ไม่นาน ฝนก็ตกหนักขึ้นมาอีก เลยต้องพากันหาที่หลบฝนอยู่ใต้หลังคาของที่จอดรถจักรยาน ยืนรออยู่นานสองนานจนเริ่มรู้สึกหงุดหงิดกัน แต่พอหันมองไปบนท้องฟ้าในตอนนั้น ก็สังเกตเห็นสายรุ้งขนาดใหญ่กำลังพาดผ่านบนท้องฟ้า เป็นรางวัลหลังจากที่ฝนตกหนัก การรอฝนนานจนทำให้เบื่อถูกเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มบนใบหน้าของเราแทน

ฝนเริ่มตกปรอยๆอีกครั้ง พวกเราเลยเดินเล่นลุยฝนกันซะเลย เดินกันไปจนถึงสะพานโฮเอินซอลเลิร์น (Hohenzollern Bridge) ที่ทอดผ่านแม่น้ำไรน์ แม่น้ำสายสำคัญของเมืองนี้ บริเวณสะพานเต็มไปด้วยแม่กุญแจของคู่รักมากมายถูกคล้องอยู่ที่นี่ ซ้อนกันแล้วซ้อนกันอีก เหมือนที่นัมซาลทาวเวอร์ที่โซล ประเทศเกาหลีใต้เลย แต่ที่นี่น่าจะมีมาก่อนหน้านานแล้ว เราสังเกตเห็นบางอันถูกสลักไว้ตั้งแต่ปีค.ศ. 1990! ก่อนเราเกิดซะอีก

สะพานโฮเอินซอลเลิร์น (Hohenzollern Bridge)

สะพานโฮเอินซอลเลิร์น (Hohenzollern Bridge)

สะพานโฮเอินซอลเลิร์น (Hohenzollern Bridge)

แม่น้ำไรน์ อยากให้แม่น้ำเจ้าพระยาสะอาดแบบนี้บ้าง ล่าสุดเห็นประตูปิดตู้เย็นกับเก้าอี้ลอยอยู่ในแม่น้ำ 🙁

สะพานโฮเอินซอลเลิร์น (Hohenzollern Bridge)

เที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne): ชมวิวเมืองโคโลญบนหอคอยของมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

ได้เวลาขึ้นไปดูวิวเมืองโคโลญจากด้านบนกันบ้างแล้ว ค่าตั๋วขึ้นหอคอยของมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) ตกคนละ 5 ยูโร (170 บาท) ซึ่งเราว่าไม่แพงมาก ซื้อได้ที่เคาน์เตอร์บริเวณทางขึ้นหอคอยได้เลย และขอเตือนทุกคนไว้ก่อนว่าที่นี่ไม่มีลิฟต์! ต้องใช้กำลังขาของเราเดินขึ้นบันไดล้วนๆ เก่าแก่ของจริง ไม่มีเสริมเติมลิฟต์สมัยใหม่ใดๆเข้าไป เดินขึ้นหนึ่งในโบสถ์ที่สูงที่สุดในโลก เหนื่อยมากเด้อ แต่วิวด้านบนคุ้มค่ากับความเหนื่อยเล็กๆนี้แน่นอน 🙂

ค่าตั๋วขึ้นหอคอยของมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) 5 ยูโร (170 บาท)

ป้ายเตือน ฮ่าๆ

มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)
ตอนแรกนึกว่าถึงแล้ว แต่จริงๆแล้วเป็นชั้นที่ตั้งระฆังของโบสถ์ นั่งรอจนเสียงระฆังดัง (นั่งพักไปในตัวด้วย แล้วเดินขึ้นต่อ!)

วิวของเมืองโคโลญจากด้านบนหอคอยของมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

วิวของเมืองโคโลญจากด้านบนหอคอยของมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

วิวของเมืองโคโลญจากด้านบนหอคอยของมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

รถไฟกำลังมาพอดีเลย (แชะ!)

ยังคงต้องมีการบูรณะซ่อมแซมอยู่เรื่อยๆ

วันเวลาที่เปิดให้บริการของจุดชมวิวบนหอคอยของมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral)

พิกัด/แผนที่มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral): Cologne Cathedral Google Map

วันเวลาที่เปิดให้บริการของมหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral):

  • พฤศจิกายน – เมษายน: 6.00 – 19.30 น.
  • พฤษภาคม – ตุลาคม: 6.00 – 21.00 น.
  • วันอาทิตย์และวันหยุด: 13.00 – 16.30 น. ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่นี่: Cologne Cathedral Openning hours

เที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne): แนะนำเหล่าร้านค้าที่น่าสนใจในประเทศเยอรมัน

backWERK

backWERK

backWERK

ตามสถานีรถไฟและห้างในเมืองต่างๆของประเทศเยอรมันจะมีร้านเบเกอร์รี backWERK อยู่เยอะมาก บางครั้งก็เป็นเพียงแค่ซุ้มเล็กๆ ใครหิวแล้วอยากซื้อขนมปังหรือขนมรองทอง เราแนะนำร้านนี้เลยเพราะราคาถูก กาแฟร้อนก็แก้วละ 1.20 ยูโร ( 40 บาท) เท่านั้น

Euro Shop

Euro Shop

ใครที่มองหาร้านขายของฝากน่ารักๆ ราคาไม่แพง ลองมาดูที่ร้าน Euro Shop กันได้ ทุกอย่างแค่ 1 ยูโรเท่านั้น!

Rossmann

Rossmann

Rossmann

Rossmann

Rossmann เป็นอีกร้านที่เราอยากแนะนำเพื่อนๆ โดยเฉพาะเวลาเดินทางนานๆที่เราต้องใช้พวกสบู่ ยาสระผม บ่อยๆ ของที่ร้านนี้มีแบบขวดเล็กขายและราคาถูกมาก 20 บาทก็มี

Rossmann

ที่นี่มีทุกอย่างจริงๆ แม้กระทั่งมุมปริ้นรูปด้วยตัวเอง

จะปริ้นเคสโทรศัพท์เองเลยก็ยังได้
Enjoy it while it lasts.

โคโลญบอกกับเราว่า ‘อย่ากลัวในวันที่ฝนตกเลย’ เพราะถ้าเราอดทนรอได้ ฟ้าหลังฝนที่สวยงามก็รอเราอยู่เช่นกัน

เรื่อง: ตรีสุคนธ์ จีระมะกร (ตรี)
ฟรีแลนซ์นักแปลไทย <=> อังกฤษและนักเขียนคอนเทนต์

อ่านรีวิวเที่ยวยุโรปด้วยตัวเองตอนอื่นๆได้ที่นี่:


  • เช็คราคาตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ (Bangkok) – โคโลญ (Cologne) ได้ที่นี่: http://bit.ly/Bangkok-Cologne
  • เช็คราคาตั๋วเครื่องบินคราคุฟ (Krakow) – โคโลญ (Cologne) ได้ที่นี่: http://bit.ly/Krakow-Cologne

แนะนำวิธีค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกและคุ้มที่สุดสำหรับการเดินทางทั้งในไทยและต่างประเทศ เอาใจแบ็คแพ็คเกอร์สายประหยัดเหมือนกัน

 

 

2 Comments
  • ซากราดาฟามีเลีย (Sagrada Familia): ศิลปะ ธรรมชาติ และศรัทธาของสถาปนิกและศิลปินเลื่องชื่อ 'เกาดี' - Take
    Posted at 07:09h, 14 February

    […] พวกเราบินตรงมาจากโคโลญ (Cologne) ประเทศเยอรมันมาลงที่สนามบินบาร์เซโลนา (Josep Tarradellas Barcelona-El Prat Airport) ประเทศสเปนด้วยสายการบินราคาประหยัด ราคาตั๋วเครื่องบินต่อคนเพียงแค่ 53.55 ยูโร (1,810 บาท) ซึ่งได้ราคาถูกขนาดนี้เพราะไม่ได้โหลดกระเป๋า ด้วยการค้นหาและจองตั๋วเครื่องบินออนไลน์ผ่าน Skyscanner กว่าจะถึงที่สนามบินก็ดึกมากแล้ว เราเลยเดินทางไปที่พักด้วยรถแท็กซี่กัน โดนไป 600 กว่าบาท แต่คนขับแท็กซี่น่ารักมาก ช่วยเหลือเต็มที่ เพราะพอเราถึงที่พักแล้วไม่มีเบอร์โทรศัพท์ที่ใช้ติดต่อเจ้าของ Airbnb ที่จองไว้ได้ เขาเลยจัดการโทรคุยให้ พอนั่งรออยู่หน้าที่พักก็ยังไม่มีคนมาซักที เราเลยต้องขอความช่วยเหลือจากคนสเปนที่เดินไปมาอยู่แถวนั้นอีก เขาก็ใจดีช่วยโทรคุยให้ แถมแอบดุเจ้าของที่พักที่ปล่อยให้เรามานั่งรอกลางค่ำกลางคืนแบบนี้นานอีกต่างหาก ในที่สุดเจ้าของที่พักก็มาซะที เราเดินทางมาทั้งวัน เหนื่อยกันมาก นึกว่าจะโดนเท ต้องนั่งรออยู่ข้างนอกแบบนี้ทั้งคืนซะแล้ว […]