เราถามแฟนที่เป็นคนเยอรมันว่าถ้าให้นิยามคำ 3 คำให้กับเบอร์ลินจะนิยามว่าอะไร? เค้าตอบกลับมาว่า “Crazy Creative and Hard”
ขอเตือนเพื่อนๆ ไว้ก่อนเลยว่า หากเดินเล่นอยู่ตามถนนในเบอร์ลินอยู่ดีๆ อาจจะเจอคนบ้าหลายๆ คนตามถนนเข้าได้ เดินพูดคนเดียวบ้าง นั่งคุยคนเดียวกับตุ๊กตาหมีบ้าง เพราะเราเจอกับตัวเองมาแล้ว ได้แต่เดินเร็วๆ รีบผ่านพวกเค้าไป นอกจากคนบ้าแล้วก็ยังมีคนไร้บ้านและขอทานจำนวนไม่น้อยเลย ครั้งนึงเราเดินเล่นอยู่เพลินๆ ที่ใต้สะพาน Oberbaum Bridge ก็มีคนหน้าตาดีเข้ามาขอเงินแถมพูดภาษาอังกฤษได้ชัดแจ๋วเลยประมาณว่า “พวกคุณกำลังมีช่วงเวลาที่ดีที่นี่ พอจะช่วยแบ่งเศษเงินให้ผมหน่อยได้ไหม? ” เราได้แต่ส่ายหน้าและเดินหนี แต่นั่นก็เป็นครั้งเดียวที่เจอว่ามีคนเดินเข้ามาขอเงินถึงตัวแบบนี้
เพราะเมืองนี้ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ หลังจากประเทศเยอรมันแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 เบอร์ลินที่เป็นเมืองหลวงจึงถูกแยกออกจากกันเป็น 4 ส่วนให้ฝั่งประเทศที่ชนะสงครามแบ่งกันไปดูแล ฝั่งตะวันตกทางเหนือ กลาง และใต้ตกเป็นของอังกฤษ ฝรั่งเศส และอเมริกาตามลำดับ ซึ่งภายหลังได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวจนกลายเป็นเบอร์ลินฝั่งตะวันตก ส่วนฝั่งตะวันออกตกเป็นของรัสเซีย
หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง อาคารและบ้านเรือนต่างๆ ถูกทำลายจนแทบไม่เหลือชิ้นดี ผู้คนพากันอดอยากไม่มีอะไรจะกิน ไม่มีแม้แต่ฟืนไว้เผาไฟให้ไออุ่น วันเวลาผ่านไป.. เศรษฐกิจของทุนนิยมในประเทศเยอรมันฝั่งตะวันตกก็ค่อยๆ โตขึ้นเรื่อยๆ ในขณะที่เศรษฐกิจของคอมมิวนิสต์ในประเทศเยอรมันฝั่งตะวันออกกลับไม่ดีเท่า สมบัติส่วนใหญ่ถูกเปลี่ยนเจ้าของเป็นในนามของประเทศแทน คนเห็นว่าฝั่งตะวันตกเศรษฐกิจดีกว่าเลยต่างพากันย้ายไปฝั่งตะวันตกกันมากขึ้นเรื่อยๆ
รัฐบาลฝั่งตะวันออกเลยมีคำสั่งให้สร้างกำแพงเบอร์ลิน (Berlin Wall) ขึ้นมา ใครพยายามหนีออกจากประเทศจะถูกยิง! ผู้คนฝั่งตะวันออกอดอยากมากขึ้นเรื่อยๆ จากนั้นก็เกิดการประท้วงต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนเพื่อเป็นอิสระจากปกครองแบบเผด็จการมาเป็นทอดๆ เริ่มจากโปแลนด์ ฮังการีส่งผลมาถึงคนเยอรมันในฝั่งตะวันออกเองร่วมประท้วงบ้าง หลังจากผู้นำของรัสเซียอย่างสตาร์ลิน (Starlin) เสียชีวิตลง ผู้นำคนใหม่ค่อยๆ เริ่มให้สิทธิเสรีภาพต่อคนเยอรมันมากขึ้น จนในที่สุดก็ได้ประกาศว่าจะอนุญาตให้คนเยอรมันฝั่งตะวันออกสามารถเดินทางไปฝั่งตะวันตกได้ และวันแห่งการเปลี่ยนแปลงที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ของเยอรมันก็มาถึง วันที่กำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลง ไม่มีเยอรมันตะวันตกหรือตะวันออกอีกต่อไป..
เบอร์ลินกลายเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้งในทันที ผู้คนแห่กันไปตั้งรกรากฝั่งตะวันตกกันมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อชีวิตที่ดีกว่า บ้านเรือนในฝั่งตะวันออกถูกทิ้งให้รกร้างไม่มีเจ้าของ หลายคนเข้าไปยึดบ้านร้างเหล่านั้นมาเป็นสมบัติของตัวเอง ปัจจุบันก็อาจจะเห็นอาคารที่ถูกทิ้งร้างให้เห็นอยู่ในฝั่งตะวันออก เบอร์ลินเป็นเมืองที่ใหญ่อันดับสองของยุโรปรองจากลอนดอนในประเทศอังกฤษ กรุงเบอร์ลินเป็นเมืองใหญ่ที่ร่ำรวยทั้งประวัติศาสตร์ ศิลปะ และการใช้ชีวิต
วิธีซื้อตั๋วรถไฟในเบอร์ลิน
เราอยู่ที่เบอร์ลินเป็นเวลาทั้งหมด 1 อาทิตย์แต่เข้ามาในตัวเมืองเบอร์ลิน เดินเล่นเตร็ดเตร่ตามสถานที่ท่องเที่ยวจริงๆ แค่ 2 วัน นอกนั้นพักอยู่ที่บ้านของพี่ชายแฟนที่อยู่นอกเมืองออกไปหน่อย วิธีซื้อตั๋วรถไฟในเบอร์ลินจะต้องซื้อแบ่งตามโซน A B และ C ตามภาพด้านล่างค่ะ บ้านพี่ชายแฟนเราอยู่โซน C ห่างจากใจกลางเมืองออกไปอีก เวลาเดินทางจากที่บ้านเราเข้ามาในเมืองไปตามสถานที่ต่างๆ เลยต้องซื้อตั๋วแบบ 3 โซนด้วยกันคือ ABC
สามารถซื้อตั๋วด้วยตัวเองที่ตู้ซื้อตั๋วที่ตั้งอยู่ภายในสถานีรถไฟในเบอร์ลินหน้าตาแบบนี้และจ่ายเงินด้วยบัตรเครดิตได้เลย
แผนที่สถานีรถไฟในเบอร์ลิน
ตั๋วรถไฟโซน A และ B 2.8 ยูโร (95 บาท)
ครั้งแรกเราซื้อตั๋วรถไฟโซน A และ B เพื่อเดินทางจากในเมืองเบอร์ลินไปยังสถานีรถไฟที่อยู่ใกล้บ้านของพี่ชายแฟนที่อยู่ในโซน B ภรรยาของพี่ชายแฟนขับรถมารับที่สถานีรถไฟนี้ เราเลยไม่ต้องนั่งรถรางในโซน C เข้าไปที่บ้านเองเลยซื้อตั๋วรถไฟโซน A และ B ก็พอ หลังจากซื้อตั๋วเสร็จแล้วก็ยื่นตั๋วใส่เครื่อง Validation อัตโนมัติที่อยู่ใกล้กันเพื่อเป็นการแสตมป์ว่าเราเริ่มใช้ตั๋วอันนี้แล้วนะ ในเบอร์ลินอายุตั๋วแบบเที่ยวเดียวคือ 1 ชั่วโมงครึ่งค่ะ โดยเครื่องจะแสตมป์เวลาที่เรา Validate ไว้อย่างในภาพคือ 19.55 น. ส่วนตั๋วตรงซ้ายมือด้านล่างเป็นเวลาที่เราซื้อตั๋วคือ 19.52 น. การนั่งรถไฟในเบอร์ลินเราต้องบริการตัวเอง ซื้อตั๋วที่เครื่องอัตโนมัติเอง แสตมป์เวลาใช้งานด้วยตัวเอง ไม่ต้องสแกนตั๋วก่อนเข้าสถานีและไม่มีใครมาตรวจตั๋วตลอดเวลา นานๆทีจะมีพนักงานที่แต่งตัวแบบคนธรรมดาเนียนๆมาขอตรวจตั๋ว ใครไม่มีก็ต้องเสียค่าปรับกันไปประมาณ 60 ยูโร (2,000 บาท) เพราะฉะนั้นไม่คุ้มกัน มีตั๋วไว้ในมืออุ่นใจกว่าค่ะ
ตั๋วรถไฟโซน ABC แบบ one day pass ราคา 7.7 ยูโร (260 บาท) ใช้ได้จนถึงตี 3 ของอีกวัน
ส่วน 2 วันที่เราเข้ามาเดินเล่นในเบอร์ลินกัน เราซื้อตั๋วรถไฟโซน A B และ C เพราะเราจะได้ใช้นั่งรถรางกลับบ้านที่โซน C ได้ด้วยและซื้อแบบ one day pass ราคา 7.7 ยูโร เราแนะนำให้เพื่อนๆซื้อตั๋วแบบ one day pass เหมือนกันเพราะคุ้มมากหากเดินทางไปหลายสถานที่ใน 1 วันเหมือนกันกับเราเพราะกระโดดขึ้นลงรถไฟกันบ่อยมาก ถ้าซื้อตั๋วแบบเที่ยวเดียวไม่คุ้มแน่นอน แถมตั๋วแบบโซนนี้สามารถใช้ได้ทั้งรถไฟ รถบัส และรถรางเพราะบริษัทต่างๆเหล่านี้เค้าทำสัญญาแชร์รายได้กันค่ะ หากเดินอยู่ในเบอร์ลินแล้วอยากกระโดดขึ้นรถรางหรือรถบัสชมเมืองก็เพียงแค่โชว์ตั๋ว one day pass นี้ให้คนขับดูเท่านั้น ส่วนรถบัสเราแนะนำสาย 100 และ 200 เพราะเป็นรถบัสจะจอดตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆในเบอร์ลินโดยเฉพาะ
ตามสถานีใหญ่ๆ ที่มีมากกว่า 2 ชานชาลา สามารถมองหาเลขชานชาลาของเราเองได้ที่ป้ายบอกหมายเลขและสถานีสุดปลายทางของเราได้ที่ป้ายลักษณะนี้ในสถานีรถไฟที่เบอร์ลิน
รีวิวเที่ยวเบอร์ลินด้วยตัวเอง: เดินเล่นในตลาดนัดอินดี้วันเสาร์ในเบอร์ลิน
คนออกมาปิกนิกในสวน Mauerpark ปิ้งบาร์บีคิวกันควันโขมงเลย อิจฉา อยากปิ้งบาร์บีคิวกินในสวนแบบนี้บ้าง ฮ่าๆ
วันแรกที่เราจะเข้าไปในเมืองเป็นวันเสาร์พอดี ภรรยาของพี่ชายแฟนแนะนำให้เราไปเดินเล่นที่ตลาดนัดอินดี้วันเสาร์ในเบอร์ลินดู ตลาดนัดนี้มีชื่อว่า “Flohmarkt im Mauerpark” เป็นตลาดนัดอินดี้ที่จัดขึ้นในบริเวณของสวนเมาเออร์ สิ่งที่น่าสนใจของสวนแห่งนี้คือเคยเป็นพื้นที่ว่างที่ถูกกั้นแบ่งออกเป็นเยอรมันตะวันตกและตะวันออกมาก่อนด้วยกำแพงเบอร์ลินที่ถูกปล่อยให้รกร้าง
เหล่านักแสดงอิสระต่างพากันออกมาสร้างสีสันในช่วงวันหยุดในสวนเมาเออร์ กรุงเบอร์ลิน
หลังจากกำแพงถูกทำลายลงก็กลายมาเป็นสวนสาธารณะและลานกว้างให้ผู้คนในเบอร์ลินออกมาตั้งแคมป์ปิ้งเล็กๆ ปิ้งบาร์บีคิวดื่มเบียร์ชิวๆ ในวันพักผ่อนได้ ถ้าเพื่อนๆ มาที่นี่ก็จะได้เห็นบรรยากาศนั้น มีผู้คนออกมาเล่นบาสในลานบาส ปูเสื่อนอนเล่น เปิดเพลงเต้นในสวน มีการแสดงจากนักแสดงอิสระ และนักร้องอิสระออกมาเปิดหมวกเล่นดนตรี เดินไปอีกหน่อยก็จะเป็นส่วนของตลาดที่เต็มไปด้วยซุ้มขายของเก่า ของแฮนเมด เสื้อผ้าและอาหาร เป็นตลาดนัดอินดี้ของเยอรมันนั่นเอง
You can’t save the world without saving yourself. คุณไม่สามารถปกป้องโลกได้ถ้าคุณไม่ปกป้องตัวเองซะก่อน
Plant trees ปลูกต้นไม้กันเถอะ
บริเวณทางเดินในสวนไปที่ตลาด เราเห็นมีข้อความถูกเขียนด้วยชอล์กเต็มไปหมด ใครอยากจะเขียนอะไรก็ได้ อ่านที่คนเขียนไว้ กิจกรรมนี้เป็นของ chalk4change.org ที่ใช้การเขียนชอล์กบอกเล่าถึงปัญหาต่างๆและให้ผู้คนได้รับรู้โดยเฉพาะหัวข้อเกี่ยวกับสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงจากปัญหาโลกร้อน (climate change)
มีถังเล็กๆเต็มไปด้วยสีชอล์กหลากสีให้เราได้ร่วมกิจกรรมนี้ด้วย เราเห็นมีครอบครัวและเด็กๆก็ออกมาเล่นเขียนชอล์กบนทางเดินแห่งนี้กัน
เราอยากเขียนชอล์กบนทางเดินสายนี้บ้าง.. เลยเขียนคำว่า “สันติภาพ” (peace) ภาษาไทยพร้อมวาดสัญลักษณ์ของสันติภาพ คำสั้นๆง่ายๆที่ความหมายยิ่งใหญ่ สิ่งที่ผู้คนโหยหาและอยากได้ แต่น่าเศร้าที่ยังไม่เห็นมีทีท่าว่าจะเกิดขึ้นได้ง่ายๆในบางพื้นที่ของโลกที่กว้างใหญ่ใบนี้
ซัมเมอร์ในเยอรมันไม่เหมือนตอนเราเที่ยวเนเธอร์แลนด์เลย แดดร้อนกว่าอีก พี่เดินจนถึงตลาดปุ๊ปก็หาเครื่องดื่มดับร้อนปั๊ป คนเยอรมันแนะนำให้ลองดื่มเครื่องดื่มนี้ดู “Fritz-kola” เป็นน้ำอัดลมรสชาติคล้ายโค้กแต่เป็นแบรนด์ของเยอรมันเอง อร่อยดี ในร้านอาหารบางร้านเราเห็นเค้าขายแต่น้ำอัดลมของ Fritz-kola อยู่ยี่ห้อเดียวเลย เราว่าดี เป็นการสนับสนุนผลิตภัณฑ์ของเยอรมันเอง น้ำอัดลม Fritz-kola รสชาติอื่นๆ ก็มีเหมือนกันคล้ายแฟนต้าน้ำเขียวน้ำส้มนั่นเอง แต่เราไม่ทันได้ลอง เสียดาย ไว้คราวหน้าละกัน
เห็นบนแพ็คเกจเขียนว่า Hamburg ก็น่าจะผลิตที่เมืองแฮมเบิร์กเมืองอุตสาหกรรมของเยอรมัน เราลองหาข้อมูลเพิ่มเติมดูเจ้าเครื่องดื่มนี้ถูกผลิตครั้งแรกในปี 2002 โดยเพื่อนตั้งแต่วัยเด็กคือ Lorenz Hampl และ Mirco Wolf Wiegert ที่มีรูปของพวกเค้าสองคนอยู่บนโลโก้นั่นเอง จุดเด่นก็คือเป็นน้ำอัดลมที่บรรจุในขวดแก้วเท่านั้น พี่ชอบอีกเพราะไม่มีแพ็คเกจพลาสติกเพิ่มปริมาณขยะย่อยยาก และอีกข้อก็คือมีปริมาณคาเฟอีนสูงที่ 25 มิลลิกรัมต่อน้ำอัดลม 100 กรัม อยากตื่นก็ดื่ม Fritz-kola นี่แหละ กาแฟไม่ต้อง ฮ่าๆ ปัจจุบันถูกส่งออกไปทั่วยุโรป
ซุ้มขายของเก่าในตลาด Flohmarkt im Mauerpark ที่เต็มไปด้วยของเก่ามากมายตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะของใช้สำหรับตกแต่งบ้าน มีช้างที่ทำจากไม้ด้วย มีแม้กระทั่งรูปภาพคนในสมัยก่อน จดหมาย แสตมป์เก่าๆ แผนที่ แก้ว จาน ชามเก่าๆ กล่องใส่ของสวยๆ เครื่องบดเมล็ดกาแฟ แผนที่ ภาพวาด ตุ๊กตา โคมไฟ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รูปวาด หนังสือ กระเป๋า เชิงเทียน ทุกอย่างจริงๆ ลองเดินเล่นดูค่ะ แฟนเราชอบมาก แต่เราเองเฉยๆ ชอบโซนของแฮนเมดมากกว่า มีร้านแบบนี้อยู่ในตลาดอยู่หลายร้านเหมือนกัน
ร้านนี้สะดุดตาพี่ เป็นข้อมือที่ได้ไอเดียมาจากสายนาฬิกาสเตนเลส ตัดส่วนของหน้าจอนาฬิกาออกไป ทำลวดลายแนวๆ บนสายแล้วแปลงเป็นสายข้อมือเท่ๆ แทน มีชื่อแบรนด์ว่า “Banded Berlin” สายมีลวดลายให้เลือกมากมายทั้งขาวดำเท่ๆ สำหรับผู้ชายหรือสีสันและลายดอกไม้สำหรับผู้หญิง มีคำว่า Berlin อยู่บนสายข้อมือจากชื่อของแบรนด์ด้วย เป็นของฝากจากเบอร์ลินได้อย่างดี พี่อยากได้แต่ดูราคาแล้วเกือบ 500 บาทต่ออัน พี่เลยเบรกไว้ไม่ได้ซื้อ เกินงบไปหน่อย ฮ่าๆ
ภาพวาดของศิลปินอิสระในตลาด Flohmarkt im Mauerpark
ภาพในอดีตที่คนเยอรมันในเบอร์ลินช่วยกันทำลายกำแพงเบอร์ลิน และผู้คนบางส่วนทุบออกเป็นชิ้นส่วนของกำแพงแล้วเก็บลวดลายของ street art บนกำแพงนั้นไว้เป็นที่ระลึก
ร้านขายภาพวาดหรือโปสเตอร์เก่าๆ เกี่ยวกับเบอร์ลินในตลาด Flohmarkt im Mauerpark
ร้านขายถุงเท้าลายตลกๆ ในตลาด Flohmarkt im Mauerpark
กระเป๋า “I am afraid of Justin Bieber” อันนี้แฟนเห็นขำใหญ่ แต่ขัดใจเรานิดนึงเพราะนี่ก็เคยเป็นติ่งจัสติน ฮ่าๆ
ซุ้มร้านโฟโต้บูธ Photobooth ร้านนี้คนเยอะมากเลย ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นทั้งนั้นต่อแถวรอถ่ายรูปกันอยู่ เลือกแบคกราวน์ที่ชอบได้ด้วย 3 ยูโร (115 บาท)
อีกหนึ่งซุ้มของศิลปินอิสระ ออกแบบตัวละครและตัวการ์ตูนแนวแฟนตาซีด้วยตัวเองในรูปแบบของกระดาษ Paper cut แบรนด์เป็นภาษาเยอรมันชื่อว่า “Papierkult Berlin” Crazy paper อย่างแนว!
destroy racism
be like a panda
he’s black
he’s white
he’s asian
ทำลายลัทธิเหยียดผิวซะ ทำตัวให้เหมือนแพนด้า นางมีทั้งขนสีดำ สีขาว และกำเนิดมาจากทวีปเอเชีย
ร้านขายโปสเตอร์และรูปภาพเก่าในตลาด Flohmarkt im Mauerpark มีรูปภาพของ street art เขียนไว้ว่า “Life is beautiful” ชีวิตเป็นสิ่งที่สวยงาม
ทางร้านช่วยรวบรวมเงินเพื่อบริจาคให้กับโครงการรักษาผืนป่าสน (rain forest protection) ขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไรของประเทศเยอรมัน OroVerde แทนเงินค่าติ๊บ
เดินไปจนสุดทางของแต่ละล็อคก็เป็นโซนของร้านอาหารเคลื่อนที่ food truck ที่มีอาหารหลากหลายเชื้อชาติเปิดท้ายขายอาหารกันอยู่ทั้งเกาหลี โปแลนด์ อาร์เจนติน่าก็มา เดินเล่นในตลาดวนไปจนคอแห้งแล้วเลยซื้อแค่น้ำแอปเปิ้ลขิงจากร้าน food truck เวียดนามแทนแก้วละ 3 ยูโร (115 บาท) สังเกตจนทั่วก็ไม่เห็นร้านของไทยเลย คิดถึงอาหารไทยแล้ว มายุโรปได้แค่อาทิตย์กว่า ฮ่าๆ
เรามาหยุดที่ร้านนี้ซะนาน เพราะกำลังหาของขวัญให้กับพี่ชายของแฟนที่กำลังจะถึงวันเกิดเค้าพอดีเร็วๆ นี้ ร้านนี้ขายโปสต์การ์ดภาพสวยๆ พร้อมคำคมให้กำลังใจตัวเองทั้งภาษาอังกฤษอย่างเช่น Unfuck yourself (แก้ไขตัวเองให้ดีขึ้น) , This is the beginning of anything you want. (นี่คือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณต้องการ)
นอกจากคำคมซึ้งใจแล้วก็ยังมีคำคมตลกๆ และรูปล้อเลียนด้วย โมนาลิซ่าเป่าหมากฝรั่งก็มี ฮ่าๆ
เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 2: นั่งชิวในลานเบียร์เก่าแก่ (Prater garden) ย่านเพรนซเลาเออร์ แบร์ค (Prenzlauer Berg) แ
Posted at 11:26h, 19 October[…] […]
เที่ยวเบอร์ลินตอนที่ 3: ก้าวข้ามระหว่างฝั่งอดีตเยอรมันตะวันออกและเยอรมันตะวันตกที่เช็คพ
Posted at 14:09h, 21 October[…] […]
รีวิวนั่งรถบัสราคาถูกจากอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) มาเบอร์ลิน (Berlin) โดย Flixbus - Take Me Away
Posted at 16:24h, 21 October[…] […]
เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 6: กิน Currywurst ที่ร้านอร่อยเจ้าดัง Konnopke's Imbiss และย้อนเวลาถ่ายรูปขาวดำแบบ
Posted at 18:05h, 26 October[…] พากันไปเดินเล่นที่ตลาดนัดอินดี้วันเสาร์ Flohmarkt im Mauerpark กันเลย […]
เที่ยวไลพ์ซิช (Leipzig) ตอนที่ 1: ชวนออกกำลังกายและผจญภัยด้วยการพายเรือแคนูผ่านแม่น้ำ 4 สายในไลพ์
Posted at 21:38h, 04 November[…] […]
เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 2: นั่งชิวในลานเบียร์เก่าแก่ (Prater garden) ย่านเพรนซเลาเออร์ แบร์ค (Prenzlauer Berg) แ
Posted at 17:25h, 06 November[…] หลังจากเดินเล่นในตลาดนัดอินดี้วันเสาร์ที่ Mauer parkวนไปมาหลายรอบแล้ว ก็ยังมีเวลาเหลือเฟือให้เดินเล่นในเบอร์ลินกันต่อ เดินมาอีกแค่ 10 นาทีก็มาถึงย่านเพรนซเลาเออร์ แบร์ค (Prenzlauer Berg) กันแล้วค่ะ รู้ตัวว่าถึงย่านนี้แล้วก็ตอนที่เดินผ่านตึกสวยๆสีพาสเทลเหล่านี้นั่นเอง รอบๆเป็นโซนของร้านอาหารและร้านค้าต่างๆ ตอนเดินผ่านอาคารบ้านเรือนในเบอร์ลิน เพื่อนๆอาจสังเกตเห็นเหมือนกันกับเราได้ว่าตามทางเดินจะมีกล่องใส่ของและหนังสือต่างๆว่างอยู่เป็น Give away box ที่เจ้าของบ้านเค้าตั้งใจแจกให้ฟรี ใครอยากได้ก็สามารถหยิบไปใช้ได้เลย […]
ชวนออกกำลังกายและผจญภัยด้วยการพายเรือแคนูผ่านแม่น้ำ 4 สายในไลพ์ซิช Pleiße, Elsterflutbett, White Elster และ Karl-Heine-Kan
Posted at 09:03h, 19 November[…] […]
เที่ยวไลพ์ซิก (Leipzig) ตอนที่ 1: ชวนออกกำลังกายและผจญภัยด้วยการพายเรือแคนูผ่านแม่น้ำ 4 สายในไลพ์
Posted at 11:34h, 22 November[…] […]
เที่ยวไลพ์ซิก (Leipzig) ตอนที่ 3: เดินเล่นรอบๆในตัวเมืองไลพ์ซิก เมืองที่ถูกโหวตให้เป็นที่สุดของ
Posted at 12:41h, 26 November[…] […]
Juli Baker and Summer: please make yourself at home art exhibition 🌈 - Take Me Away
Posted at 07:44h, 28 November[…] […]
เที่ยวไลพ์ซิก (Leipzig) ตอนที่ 5: บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก ตลาดขายของเก่า Agra และ farmer market กลางเมือง - Take
Posted at 12:40h, 10 December[…] ไม่ไกลจากบ้านที่เราพักมีตลาดขายของเก่า (Agra second hand market, Leipzig) มาเปิดขายของในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี พวกเราก็เลยมีกิจกรรมไว้ทำร่วมกันกับครอบครัวของพี่สาวแฟนอีกคน หลังจากที่ไปเดินเล่นที่สวนสัตว์ไลพ์ซิกด้วยกันมาคราวที่แล้ว ครั้งนี้มาเดินตลาดเล่นกันบ้าง พอมาถึงที่ตลาดก็เพิ่งรู้ว่าเป็นตลาดขายของเก่าที่ใหญ่มาก ! ใหญ่กว่าที่เบอร์ลินหลายเท่า แถมเป็นร้านขายของเก่าจริงๆไม่ได้มีร้านขายของใหม่อะไรมาเจือปนเหมือนตอนที่เราไปเดินเล่นที่ตลาดนัดอินดี้วันเสาร์ (Flohmarkt im Mauerpark) […]
รีวิวเที่ยวปราก (Prague) สาธารณะรัฐเช็ก (Czech Republic) ตอนที่ 1: นั่งรถไฟจากเยอรมันไปปรากและแนะนำคาเฟ่ขน
Posted at 13:48h, 28 December[…] […]
รีวิวเที่ยวปราก (Prague) สาธารณรัฐเช็ก (Czech Republic) ตอนที่ 1: นั่งรถไฟจากเยอรมันไปปรากและแนะนำคาเฟ่ขนม
Posted at 13:08h, 29 December[…] […]
คริสเทเนีย (Christiania) ชุมชนอิสระ ณ ใจกลางกรุงโคเพนเฮเกน (Copenhagen) ประเทศเดนมาร์ก - Take Me Away
Posted at 14:44h, 12 January[…] […]
เที่ยวเมืองโคโลญ (Cologne) ประเทศเยอรมัน (Germany) ใน 1 วัน: มหาวิหารโคโลญ (Cologne Cathedral) - Take Me Away
Posted at 08:29h, 06 February[…] ซึ่งเป็นจุดหมายของเราในการกลับมาเที่ยวในประเทศเยอรมันในครั้งนี้ […]
ซากราดาฟามีเลีย (Sagrada Familia): ศิลปะ ธรรมชาติ และศรัทธาของสถาปนิกและศิลปินเลื่องชื่อ 'เกาดี' - Take
Posted at 07:19h, 14 February[…] […]
ปาร์ค กูเอล (Park Guell) สวนเก่าแก่บนเขากลางเมืองบาร์เซโลนา อีกหนึ่งผลงานของเกาดี (Gaudi) - Take Me Away
Posted at 21:32h, 14 March[…] […]
คาซา มิลา (Casa Mila) อพาร์ทเม้นท์สุดหรูที่แต่ก่อนใครๆ ก็บอกว่าเป็นตึกที่หน้าตาน่าเกลียด! - Take Me Away
Posted at 18:54h, 21 April[…] […]
บาดาโลนา (Badalona) กินซีฟู้ดในร้าน local ริมทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เดินเล่นเรียบชายหาด ดูวิถีชีวิตชา
Posted at 18:15h, 14 May[…] เยอรมัน สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก และโปแลนด์ […]
Paco Meralgo สั่งอาหารแบบ Tapas ที่มีต้นกำเนิดมาจากสเปน ในร้านอาหารสุดฮิตของบาร์เซโลนา - Take Me Away
Posted at 18:50h, 15 May[…] ก่อนกลับ พวกเราตั้งใจจะนั่งรถบัสตรงดิ่งไปยังสนามบินในบาร์เซโลนาเลย เพราะบัตรรอบรถไฟฟ้า + รถบัสเรายังเหลืออยู่ ปกติเราไม่ซื้ออินเทอร์เน็ตเวลาเที่ยว เลยทำให้ไม่แน่ใจว่าต้องรอรถบัสฝั่งไหนกันแน่ แถมเราต้องต่อรถจากใจกลางเมืองอีกทีด้วย ตอนนั้นดึกมากแล้ว มีคุณป้าท่านนึงกำลังรอรถบัสพอดี พวกเราถามคุณป้าว่าต้องรอรถฝั่งไหน เราถามเป็นภาษาอังกฤษ คุณป้าตอบกลับมาเป็นภาษาสเปน ปนกับภาษามือจนเข้าใจว่าเลขรถบัสและฝั่งที่เราต้องรอนั้นถูกแล้ว บังเอิญเป็นคันเดียวกันกับคุณป้าพอดี พอเราขึ้นรถบัสกันไป คุณป้าน่ารักมาก มีการเดินไปบอกคนขับรถว่าให้บอกพวกเราเวลาถึงสถานีที่ต้องลงด้วย ตอนนั่งอยู่บนรถเราสังเกตเห็นผู้ชายคนนึงถือกระเป๋าเดินทางพอดี ก็เลยคิดว่าเขาน่าจะไปที่สนามบินเหมือนกัน ซึ่งก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ พวกเราเลยลงสถานีเดียวกันกับเค้าเพื่อรอรถบัสอีกคันไปยังสนามบินเพื่อเดินทางกลับไปที่เยอรมันอีกครั้ง เพราะเราอยากจะไปเที่ยวที่สถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิตของเยอรมันนั่นก็คือปราสาท Neuschwanstein นั่นเอง […]
ปราสาทนอยชวานสไตน์ (Neuschwanstein castle) สวยดุจเทพนิยาย ต้นแบบของปราสาทดิสนีย์ - Take Me Away
Posted at 13:37h, 23 May[…] เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ด้วยตัวเอง […]
เที่ยวไอซ์แลนด์ด้วยตัวเอง ขับรถรอบเกาะภายใน 7 วัน Day 1: จาก Reykjavik ไป Akureyri - Take Me Away
Posted at 20:45h, 21 June[…] รีวิวเที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ประเทศเยอรม… […]
ในวันที่ฉันลาออกจากงานที่ใครก็เรียกว่ามั่นคงมาเป็นฟรีแลนซ์ - Take Me Away
Posted at 14:44h, 24 February[…] Flohmarkt im Mauerpark, indie market in Berlin, […]