เที่ยวไลพ์ซิก (Leipzig) ตอนที่ 5: บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก ตลาดขายของเก่า Agra และ farmer market กลางเมือง

เที่ยวไลพ์ซิก (Leipzig) ตอนที่ 5: บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก ตลาดขายของเก่า Agra และ farmer market กลางเมือง

เที่ยวไลพ์ซิกด้วยตัวเอง: บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก

ที่พักอาศัยของคนไลพ์ซิกในประเทศเยอรมันส่วนใหญ่จะเป็นอพาร์ทเม้นท์ที่มีขนาดเล็กและใหญ่ต่างกันออกไป ซึ่งภายในอพาร์ทเม้นท์นั้นจะถูกแบ่งออกอย่างเป็นสัดส่วน มีทั้งห้องนอน ประมาณ 2-3 ห้อง ห้องน้ำ ห้องอาบน้ำ ห้องนั่งเล่น ห้องครัว โต๊ะกินข้าว และมีส่วนของบาร์โคนี่ด้านนอกอยู่ด้วย ซึ่งเป็นบริเวณที่คนเยอรมันเค้าเอาไว้นั่งสังสรรค์กับเพื่อนๆหรือครอบครัวเวลาพวกเขามาเยี่ยมที่บ้าน ดื่มเบียร์กันตามประสาคนเยอรมันพร้อมทั้งปิ้งบาร์บีคิวอร่อยๆกินกันไปด้วย

ด้วยการที่ลักษณะของที่พักอาศัยถูกเปลี่ยนจากบ้านมาเป็นอพาร์ทเม้นท์แทนเพราะมีประชากรในพื้นที่ในไลพ์ซิกเยอะมากขึ้น ก็เลยเกิดพื้นที่ของบ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิกอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วเมือง ซึ่งเกิดจากการปล่อยให้เช่าพื้นที่เพื่อสร้างสวนของตัวเองขึ้นมาได้ในราคาถูกมากประมาณ 240 ยูโร (8,000 บาท) ต่อปีเท่านั้น หรือราคาถูกกว่านี้ก็มี ใครไปเที่ยวที่เมืองนี้อาจจะสังเกตเห็นสวนต่างๆในพื้นที่กว้างแบบนี้อยู่หลายแห่งตอนนั่งรถไฟหรือเวลาเดินผ่านตามตรอกซอกซอยต่างๆของโซนที่อยู่อาศัยของคนที่นี่

บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก

บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก

บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก

บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก

บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก

บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก

บ้านเล็กในสวนของคนไลพ์ซิก

พื้นที่สวนแบบนี้ถูกทำขึ้นมาจากกลุ่มคนที่รวมตัวกันจัดตั้งองค์กรให้เช่าพื้นที่ทำสวนเพื่อทำให้ในเมืองยังคงมีพื้นที่สีเขียวแบบนี้อยู่ พร้อมตอบสนองความต้องการของคนไลพ์ซิกที่ยังอยากมีสวนเล็กๆเป็นของตัวเองไว้ปลูกดอกไม้ ต้นไม้ และพืชผักผลไม้ที่ตัวเองต้องการได้ แม้จะไม่มีบ้านเป็นหลังๆก็ยังสามารถมีพื้นที่สวนแบบนี้ไว้สร้างบ้านไม้หลังเล็กๆไว้เก็บอุปกรณ์ทำสวน มีพื้นที่สำหรับตั้งโต๊ะบาร์บีคิวไว้สังสรรค์กับเพื่อนและครอบครัวในช่วงซัมเมอร์ได้ด้วย เราว่าเป็นความคิดที่ดีมากๆ ทำให้ไลพ์ซิกเป็นเมืองไม่ได้มีแต่ตึกอพาร์ทเม้นท์เพียงอย่างเดียว แต่เป็นเมืองที่น่าอยู่ เพราะมีพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่แบบนี้อยู่ทั่วเมืองมากกว่า 50 แห่ง !

เที่ยวไลพ์ซิกด้วยตัวเอง: วัฒนธรรมการกินของคนเยอรมัน

เราเคยเล่าเกี่ยวกับอาหารเช้าของคนยุโรปไว้ใน แชร์ประสบการณ์ใช้ชีวิต 1 อาทิตย์ในบ้านคนดัตช์ ซึ่งอาหารเช้าของทั้งคนดัตช์และคนเยอรมันเองก็ไม่ได้ต่างกันเลยค่ะ แต่ละบ้านจะมีเครื่องชงกาแฟอย่างดีติดบ้านไว้เพราะคนยุโรปเขาชอบดื่มกาแฟกันมาก วันๆนึงดื่มกันหลายแก้วเลยทั้งเช้า กลางวัน เย็น กลางคืนก็ยังเห็นเค้าดื่มกันอยู่เลยบางที โดยเฉพาะกาแฟดำ อาหารเช้าในแต่ละวันก็จะเรียบง่าย เป็นขนมปังปิ้ง (ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นขนมปังโฮลวีท) ทาเนยกินคู่กับแฮม แยมผลไม้ น้ำผึ้ง ช็อกโกแลตนูเทลล่า และชีส เป็นต้น กินวนไปแบบนี้จนอิ่ม เรากินแบบนี้ทุกเช้าอยู่เกือบเดือน แรกๆมีเบื่อบ้างแต่หลังๆก็เริ่มชินซะแล้ว เป็นอาหารเช้าที่เรียบง่ายดีและราคาไม่แพงด้วย

พี่สาวแฟนซื้อพริกมาให้โดยเฉพาะเพราะรู้ว่าเราชอบกินเผ็ด ฮ่าๆ
แถมซื้อขนมสุดฮิตของคนเยอรมันมาฝากด้วย อย่างเยลลี่ Haribo กับช็อกโกแลต Kinder ที่รสชาติหวานเจี๊ยบ สะใจซะเหลือเกิน

ไม่ว่าจะบ้านไหนๆในเยอรมัน ก็จะชอบชวนไปปิ้งบาร์บีคิวกินกันที่บ้าน เป็นกิจกรรมสุดฮิตของคนเยอรมันในช่วงซัมเมอร์ที่อากาศดี น่าออกไปนั่งที่บาร์โคนี่ปิ้งบาร์บีคิวกินกันแบบชิวๆ ทั้งไส้กรอกเยอรมัน กุ้ง เนื้อย่าง ข้าวโพด เนื้อเน้นๆกินกันจนอิ่มแปล้ไปข้างนึง

ต่อกันด้วยขนมหวานในยามบ่าย หวานที่ว่าคือหวานจริงๆ น้ำตาลเรียกแม่ไปเลย คาราวานขนมหวานมาเต็มมากเหมือนปาร์ตี้ Schulanfang สำหรับเด็กๆที่ทุกคนจะมานั่งกินขนมหวานด้วยกันเลย อีกอย่างที่เราสังเกตได้และท่าจะเป็นสิ่งที่คนเยอรมันชอบใช้กันเป็นประจำเลยก็คือ ทิชชูสีสันสดในพร้อมคำพูดต่างๆที่จะถูกนำออกมาใช้เพื่อต้อนรับแขกเวลามาเยี่ยมที่บ้านหรือเวลาที่มีปาร์ตี้เล็กๆกันในครอบครัว อย่างทิชชูในภาพด้านบนที่เป็นภาษาเยอรมันแปลเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า It is nice to have you here มันดีที่คุณมาที่นี่/อยู่ที่นี่ ณ ตอนนี้กับพวกเรา คนเยอรมันเค้าก็น่ารักเป็นนะเออ

ตกเย็น ถึงเวลาที่เราต้องโชว์ฝีมือบ้างซะแล้ว ฮ่าๆ ปกติเราทำกับข้าวไม่เป็นเลย พอมายุโรปมาเยี่ยมครอบครัวของแฟนครั้งแรกนี้เลยต้องหัดทำกับข้าวให้ฝรั่งเค้าได้ลองกินอาหารไทยกันหน่อย เป็นการตอบแทนที่พวกเค้าดูแลเราเป็นอย่างดี ร้านอะหมัดรสดี ที่เราชอบไปกินซุปเนื้อแซ่บของที่ร้านเป็นประจำใจดีบอกสูตรวิธีทำต้มยำให้ด้วย พอบอกว่าจะไม่อยู่ไทยหลายเดือน เราเลยลองทำต้มยำไก่น้ำใสกับหมูทอดกระเทียมดูเพราะน่าจะเป็นอะไรที่ง่ายที่สุดแล้ว ครั้งแรกลองทำให้เพื่อนดัตช์ตอนไปเที่ยวอัลค์มาร์ นางก็แฮปปี้กินกันหมดเลยเพราะนางก็คิดถึงอาหารไทยเหมือนกัน ส่วนผสมเราไม่ครบเพราะหาซื้อได้ยากแต่ก็พอถูๆไถๆไปได้ มีแค่หอมหัวใหญ่ ตะไคร้ (แพ็คละ 100 บาท มีอยู่ 5 อัน ฮ่าๆ) แล้วก็ขิง ต้มจนเดือดแล้วหย่อนเนื้อไก่ตามลงไป ปรุงรสด้วยมะนาว น้ำปลา พริกสดใส่ไปเม็ดเดียว เพราะฝรั่งกินเผ็ดไม่ได้อี๊ก ก็ยังไม่วายบ่นว่าขิงเผ็ด โท่ แค่ขิงก็เผ็ดซะแล้ว


ดีใจตอนที่เห็นว่ามีข้าวที่บ้านด้วย เพราะตั้งแต่มาเที่ยวยุโรปเกือบเดือน กินแต่ขนมปัง ฮ่าๆ นี่จะเป็นข้าวมื้อที่ 3 ของเรา เย้! เราเห็นฝรั่งเค้าเอาถุงข้าวต้มลงไปในหม้อทั้งถุงเลยแหะ
หน้าตาของโต๊ะอาหารก็จะแปลกๆไปนิดเพราะฝรั่งเค้ากินต้มยำไก่น้ำใสของเราคู่กับขนมปังเพราะเห็นว่ามันเป็นซุป ฮ่าๆ ส่วนเราคนไทยก็กินคู่กับข้าวสวยร้อนๆไปแบบฟินๆ
บอร์ดเกมส์ Die Siedler (The Settlers)

กินข้าวเย็นกันเสร็จก็มานั่งเล่นบอร์ดเกมส์กันต่อ เพราะที่บ้านของหลานแฟนมีบอร์ดเกมส์พอดี เกมส์นี้สนุกมาก ! แม้เราจะไม่ได้เป็นผู้ชนะก็ตาม ฮ่าๆ บอร์ดเกมส์นี้มีชื่อว่า Die Siedler (The Settlers) เป็นเกมส์สร้างบ้านและถนน วิธีเล่นบอร์ดเกมส์ The Settlers คือ ใครเก็บคะแนนได้ถึง 10 แต้มก่อนคนนั้นชนะ (บ้านหลังเล็ก = 1 คะแนน บ้านหลังใหญ่ = 2 คะแนน) ป้ายหญ้า ฟาง ต้นไม้ หิน และดินจะถูกวางบนกระดานแบบสุ่มเช่นเดียวกับป้ายตัวเลขด้านบน แต่ละคนจะได้เลือกวางบ้าน 2 หลังสีของตัวเองในตำแหน่งที่ตัวเองชอบ 2 ตำแหน่งตอนเริ่มเกม จากนั้นแต่ละคนจะได้ทอยลูกเต๋า 2 ลูก ในแต่ละครั้ง พอถึงตาของตัวเอง ได้จำนวนเท่าไหร่ คนที่วางบ้านไว้ค่อมเลขจำนวนนั้นๆจะได้ของตามจำนวนนั้น ถ้าทอยลูกเต๋าได้เลขที่เป็นตัวสีแดงบนกระดาน จะได้ของเป็นจำนวน 2 เท่า เช่น ทอยลูกเต๋าได้เลข 6 จากภาพเจ้าของบ้านสีเหลืองและบ้านสีน้ำเงินจะได้แกะไปคนละ 12 ตัว เก็บสะสมไว้ โดยแต่ละคนมีใบโพยว่าของอะไรกี่อันสามารถแลกเป็นอะไรได้บ้าง ดังนี้

  • ซุง 1 + อิฐ 1 = ถนน 1 สาย (0 คะแนน แต่เอาไว้เชื่อมต่อเพื่อสร้างบ้านหลังต่อไปได้ จะสร้างบ้านได้ก็ต่อเมื่อสร้างถนนไว้ 2 สายก่อนแล้วเท่านั้น)
  • ซุง 1 + อิฐ 1 + ฟาง 1 + แกะ 1 = สร้างบ้านหลังเล็กได้ 1 หลัง (1 คะแนน)
  • ฟาง 2 + หิน 3 = อัพเลเวลเป็นบ้านหลังใหญ่ได้ (2 คะแนน)
  • ฟาง 1 + แกะ 1 + หิน 1 = จั่วการ์ดพิเศษได้ 1 ใบ

*ใครสร้างถนนเชื่อมกันได้ยาวที่สุดได้คะแนนเพิ่มไปอีก 2 คะแนน

เกมส์นี้สนุกมากซะจนเราต้องขอเล่นเพิ่มอีก 1 ตาก่อนแยกย้ายกันกลับ 😀 ใครชอบเล่นบอร์ดเกมส์ไว้ลองไปหาเล่นกันดูค่ะ เราเองก็อยากเล่นเวอร์ชั่นภาษาอังกฤษบ้าง เพราะตอนที่เล่นเป็นบอร์ดเกมส์ภาษาเยอรมัน เราเลยไม่ค่อยกล้าเล่นการ์ดพิเศษเพราะต้องคอยให้คนอื่นแปลให้ เดี๋ยวเค้าก็รู้ไต๋เราหมดก่อนพอดี ไม่งั้นชนะไปแล้วนะเนี่ย ฮ่าๆ

เที่ยวไลพ์ซิกด้วยตัวเอง: Farmer market, Leipzig, Germany

บริเวณของ Old city hall ที่เราเดินผ่านตอนเดินเล่นรอบๆในตัวเมืองไลพ์ซิก ในทุกวันอังคารถึงวันศุกร์จะมี farmer market ที่เกษตรกรจะเอาของสดๆจากไร่ทั้งพืช ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์มาขายในราคาย่อมเยา ผลิตภัณฑ์อื่นๆก็มีเช่น ชีส น้ำผึ้ง ดอกไม้และต้นไม้ จะเห็นพวกเบอร์รีต่างๆเยอะมาก ราคาถูกเหมือนที่เนเธอร์แลนด์เลย อย่างบลูเบอร์รีก็กล่องละประมาณ 2 ยูโร (68 บาท) เราเห็นแม้กระทั่งซุ้มขายกาแฟไทยที่คนขายเป็นฝรั่งแต่ใส่สร้อยพระองค์ใหญ่มาก ! เราเป็นคนไทยมาเห็นอะไรอย่างนี้ก็ว่าแปลกดี อีกใจก็ดีใจที่มีคนเอากาแฟไทยมาขายแม้ในเมืองเล็กๆในประเทศเยอรมันแบบนี้

ชีสสีแดงในภาพตรงกลางอร่อย ! ยี่ห้อ Babybel แค่ 1 ยูโรเอง ได้หลายอันเลย เค้าทำชีสเป็นแบบก้อนขนาดเล็กให้เอาไว้กินเล่นได้ แกะห่อกระดาษออกมาจะเป็นแว็กซ์สีแดงห่ออยู่ เอเชียคนนี้ก็ไม่รู้กัดเข้าไปทั้งอัน ก็ว่าทำไมไม่มีรสชาติ เป็นชีสแบบจืดรึเปล่า แฟนเห็นละก็จำก๊ากเลย ปล่อยให้ฉันเคี้ยวแว๊กซ์ไปซักพักก่อนจะบอกว่าก่อนกินควรแกะแว็กซ์สีแดงนั้นออกก่อน โท่ ใครจะไปรู้ พอเอาแว๊กซ์ออกก็อร่อยเลย เป็นชีสแบบนมๆ หอมๆ กินเล่นได้แบบเพลินๆ อ้วนได้แบบไม่รู้ตัวเลยล่ะ เราแวะมาที่นี่เพราะพี่สาวของแฟนเค้ามาซื้อของเข้าบ้าน ตลาดเปิดตั้งแต่ 8 โมงเช้าแต่ปิดค่อนข้างเร็ว บ่ายกว่าๆก็ปิดแล้ว นอกจากของสดๆก็ยังมีบราสเวิสขายให้กินรองท้องกันได้ด้วยค่ะ

แอบถ่ายรูปมาให้ดูว่าราคาชีสเค้าถูกจริงๆจนเจ้าของร้านบอกว่าห้ามถ่ายรูป จะเห็นได้ว่ามีชีสหลายแบบมากแถมราคาส่วนใหญ่แค่ 1 ยูโร (34 บาท) เท่านั้น

พิกัด/แผนที่ตลาด Farmer market, Leipzig: Markt, Leipzig Google Map

เที่ยวไลพ์ซิกด้วยตัวเอง: ตลาดขายของเก่า (Agra second hand market, Leipzig, Germany)

ไม่ไกลจากบ้านที่เราพักมีตลาดขายของเก่า (Agra second hand market, Leipzig) มาเปิดขายของในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์พอดี พวกเราก็เลยมีกิจกรรมไว้ทำร่วมกันกับครอบครัวของพี่สาวแฟนอีกคน หลังจากที่ไปเดินเล่นที่สวนสัตว์ไลพ์ซิกด้วยกันมาคราวที่แล้ว ครั้งนี้มาเดินตลาดเล่นกันบ้าง พอมาถึงที่ตลาดก็เพิ่งรู้ว่าเป็นตลาดขายของเก่าที่ใหญ่มาก ! ใหญ่กว่าที่เบอร์ลินหลายเท่า แถมเป็นร้านขายของเก่าจริงๆไม่ได้มีร้านขายของใหม่อะไรมาเจือปนเหมือนตอนที่เราไปเดินเล่นที่ตลาดนัดอินดี้วันเสาร์ (Flohmarkt im Mauerpark)

มีตั้งแต่หินสีสันสวยๆ
โคมไฟ ลูกโลก กระจก ของแต่งบ้านต่างๆเพียบ !
โซนที่เด็กๆจะต้องชอบ ของเล่นและหนังสือการ์ตูน

หิวก็แวะซื้อของกินได้

เลโก้ ! หลานแฟนเรายืนหยุดดูตรงนี้นานเลย อยากได้อันใหญ่ที่ราคาแพง ส่วนพี่สาวซื้อตัวเล็กไปตัวเดียว น้องชายไม่ได้อะไรติดไม้ติดมือกลับมาเพราะยังยืนยันอยากได้อันใหญ่ ร้องไห้ งอแงตลอดทางเลยหลังจากนั้น สุดท้ายไปหยุดร้องตอนกินวาฟเฟิล ก่อนกลับก็มาแวะซื้อเลโก้ตัวเล็กกลับบ้าน ก็ยิ้มได้ละทีนี้

หนังสือการ์ตูนเก่า เรียงเป็นหน้าตัวการ์ตูนด้วย น่ารักดี
ไม่ได้มีแค่ในตัวอาคาร นอกอาคารก็มีอีก ซัมเมอร์ที่เยอรมันร้อนกว่าเนเธอร์แลนด์อีก สังเกตได้จากแดดในภาพ ฮ่าๆ

มีแม้กระทั่งหุ่นทหาร !

เรามาเดินเล่นครั้งนี้ ไม่ได้ของอะไรติดไม้ติดมือหรอก เพราะไม่อยากได้อะไรเป็นพิเศษ เดินทางนานเป็นเดือนด้วยก็ไม่อยากพกของเยอะ มีแต่เด็กๆที่ได้ของเล่นเล็กๆน้อยๆกลับบ้านไปด้วย แต่ตัวตลาด Flea market ก็มีความน่าสนใจมากในตัวเองอยู่แล้ว ใครที่ชอบสะสมของเก่า ชอบตกแต่งบ้านด้วยของเก่าที่หาได้ยาก ไม่เหมือนใคร ตลาดแห่งนี้คงเป็นสวรรค์ของพวกเค้า สำหรับเด็กๆก็สามารถซื้อของเล่นกลับไปเล่นได้ในราคาถูก ส่วนเราก็ชอบบรรยากาศแบบนี้ บรรยากาศที่ผู้คนในเมืองไลพ์ซิกยังให้ความสำคัญกับของเก่า เป็นการนำกลับมาใช้ซ้ำ และยังให้คุณค่ากับของเก่าจนมาร่วมเปิดร้านกันเยอะมาก พร้อมทั้งคนที่มาเดินเล่นที่ตลาดแห่งนี้ก็ไม่ใช่น้อยๆเลย เราเจอของเจ๋งๆเยอะมาก ได้เห็นของสวยๆและแปลกๆมากมายที่มันก็สะท้อนถึงอดีตของคนเยอรมันเองด้วย สิ่งที่เราเจอเยอะมากในหลายๆร้านในตลาดก็คือตุ๊กตาแม่ลูกดก (Matryoshka doll) ของฝากสุดฮิตจากรัสเซียที่ (เราเดาว่า) น่าจะมีเข้ามาเยอะมากในช่วงที่รัสเซียปกครองเยอรมันฝั่งตะวันออกหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ช่วงที่ไลพ์ซิกยังเป็นเมืองในประเทศเยอรมันตะวันออก (Deutsche Demokratische Republik, GDR)

พิกัด/แผนที่ ตลาดขายของเก่า Agra ไลพ์ซิก: Agra Second Hand Market Google Map

วันเวลาที่เปิดให้บริการของ ตลาดขายของเก่า Agra ไลพ์ซิก: อังคาร, พุธ และอาทิตย์ 9.00 – 17.00 น.

วาฟเฟิลวนิลลา (Vanilla cream waffle) 3.5 ยูโร (120 บาท)

ภายในตลาดด้านนอกมีวาฟเฟิลร้อนๆขายอยู่ด้วย เราซื้อไส้วนิลามากินอร่อยดี วาฟเฟิลจะกรอบๆแล้วนุ่มข้างใน ส่วนไส้วนิลาก็ไม่ได้หวานมากจนเกินไป เดินไปกินไปในตลาดได้แบบเพลินๆเลย สำหรับตอนนี้น่าจะทำให้ผู้อ่านได้เห็นอีกมุมของเมืองไลพ์ซิกมากขึ้น มุมที่เป็นวิถีชีวิตของคนไลพ์ซิกจริงๆตั้งแต่อาหารเช้าที่เรียบง่าย ตลาดสดกลางเมืองที่ชีสราคาถูกมากต่างจากชีสที่ไทยเป็นไหนๆ และตลาดขายของเก่าที่มีขนาดใหญ่มากแสดงให้เห็นถึงการให้คุณค่าของของเก่า เข้ากับการใช้ซ้ำสิ่งของ ที่ดูจะเป็นลักษณะนิสัยของคนเยอรมันตั้งแต่การเอาใจใส่เรื่องการรีไซเคิลขยะจากพลาสติกแล้ว วัฒนธรรมการปิ้งบาร์บีคิวกันในหน้าร้อนและกินขนมหวานในยามบ่าย และบ้านเล็กในสวนที่เป็นเสน่ห์ของเมืองไลพ์ซิก ทำให้เป็นเมืองที่มีชีวิตชีวา ธรรมชาติรายล้อม และน่าอยู่ ! เราอยู่ไลพ์ซิกมาเกือบ 2 อาทิตย์เลยมีเรื่องเล่าเยอะเลย อยู่ที่ไหนนานหน่อย ก็จะทำให้เราเข้าใจและซึมซับเรื่องราวของสถานที่นั้นๆมากขึ้นจริงๆด้วยค่ะ ไลพ์ซิกมีอะไรมากกว่าแค่ตึกสวยในตัวเมือง 🙂

อ่านเที่ยวไลพ์ซิกด้วยตัวเองตอนก่อนหน้าได้ที่นี่: เที่ยวไลพ์ซิก (Leipzig) ตอนที่ 4: Schulanfang วิธีทำให้เด็กอยากไปโรงเรียนของคนเยอรมันตั้งแต่การเข้าเรียนวันแรก !

อ่านเที่ยวไลพ์ซิกด้วยตัวเองตอนต่อไปได้ที่นี่: เที่ยวเมืองเดรสเดน (Dresden) เมืองมรดกโลกของประเทศเยอรมัน (Germany) ใน 1 วัน


เช็คราคาตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ-ไลพ์ซิกได้ที่นี่: http://bit.ly/Cheapflights-Bangkok-Leipzig

แนะนำวิธีค้นหาตั๋วเครื่องบินราคาถูกและคุ้มที่สุดสำหรับการเดินทางทั้งในไทยและต่างประเทศ เอาใจแบ็คแพ็คเกอร์สายประหยัดเหมือนกัน

เรื่อง: ตรีสุคนธ์ จีระมะกร (ตรี)

ฟรีแลนซ์นักแปลไทย <=> อังกฤษและนักเขียนคอนเทนต์

3 Comments