นั่งรถไฟในอินเดีย ตอนที่ 3 : วัดใจตัวเองที่พาราณสี

นั่งรถไฟในอินเดีย ตอนที่ 3 : วัดใจตัวเองที่พาราณสี

จากเมืองอัคราเรานั่งรถไฟข้ามวันไปที่เมืองพาราณสีกันต่อ ที่นี่มีแม่น้ำคงคาที่ผู้คนให้ความเคารพ หากเดินไปตามท่าน้ำต่างๆจะเห็นผู้คนเดินทางหลั่งไหลเข้ามาชำระร่างกายกันที่นี่ เชื่อว่าน้ำจะสามารถชำระล้างบาปได้ในความคิดของชาวฮินดู แม้เราจะเห็นว่าน้ำนั้นสกปรกและมีขยะลอยอยู่ก็ตาม ที่ Dashashwamedh Ghat ตกเย็นจะมีการแสดงสรรเสิญเทพเจ้า ผู้คนมากมายจ่ายค่าตั๋วราคา 50 บาทและนั่งรอบนเรือที่จอดอยู่ที่ท่า พวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้น การแสดงถูกจัดขึ้นด้วยดอกไม้ ควัน และตะเกียงจุดไฟ มีชีวิตชีวามากขึ้นด้วยการร่วมมือของผู้คนที่มาชมช่วยกันร้องเพลงและปรบมือไปด้วยกัน

รถไฟนอนของอินเดีย พี่หลับได้สบาย

หลังจากการแสดงจบ มีชายคนนึงเดินเข้ามาหาเราบอกว่าจะพาไปดูสถานที่เผาศพของที่นี่ เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีการเผาศพใกล้แม่น้ำแห่งนี้ด้วย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทำให้เราเดินตามเค้าไป จนมาหยุดอยู่กับคุณลุงท่านนึง เค้าอธิบายให้เราฟังเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ตึกที่เราเห็นด้านข้างนี้เป็นสถานที่ดูแลคนที่มีอายุมากแล้ว พวกเค้าจะช่วยกันดูแลหาอาหารมาให้ หากเมื่อใดที่เสียชีวิตเค้าจะนำร่างมาเผาที่ที่แห่งนี้ เค้าบอกว่าเค้าภูมิใจในงานที่ทำเพราะได้ช่วยเหลือผู้คน

รอบๆเต็มไปด้วยไม้ที่ถูกตัดเตรียมไว้ใช้มากมายตั้งอยู่เรียงราย ไฟจากพระศิวะที่ใช้ในการเผาศพจะถูกหล่อเลี้ยงให้ลุกโชนตลอดเวลาเพื่อใช้สำหรับการเผาศพที่เกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง ศพจะถูกแช่ในน้ำเพื่อชำระล้างบาปเป็นครั้งสุดท้าย และถูกนำขึ้นมาคลุมด้วยผ้าและดอกไม้ไว้ ลูกชายคนโตจะต้องโกนศรีษะ นุ่งขาวห่มขาว และมาชำระร่างกายที่แม่น้ำแห่งนี้เช่นกัน คนในครอบครัวจะไม่มีใครร้องไห้ เพราะเชื่อว่าจะทำให้วิญญาณจากไปอย่างสงบสุข เพราะที่นี่มีความศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับชาวฮินดู เป็นที่ที่พวกเค้าอยากให้ร่างมาอยู่เป็นครั้งสุดท้าย เราค่อยๆเดินตามเข้าไปดูสถานที่จริงด้วยความกล้าๆกลัวๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นที่เผาศพที่วางเรียงกัน 2 ข้าง เป็นเพียงแต่ฐาน ฟืน และร่างที่กำลังมอดไหม้อยู่บนกองเพลิง คุณลุงอธิบายถึงไม้ที่ใช้ว่าเป็นไม้อย่างดีช่วยดับกลิ่นได้และราคาค่อนข้างสูง สอบถามเราว่าอยากจะบริจาคค่าไม้ให้แก่คนยากจนไหม เราเคยอ่านเจอในหนังสือท่องเที่ยวว่าให้ระวังโดนขอเงินบริจาคค่าไม้ แต่สุดท้ายก็โดนจนได้ หันไปมองรอบๆก็มีชาวต่างชาติอยู่อีกหลายกลุ่มที่คาดว่าถูกพามาที่นี่เหมือนกัน ไกด์บอกว่าผู้คนทั่วโลกที่มาที่พาราณสีจะต้องมาที่นี่ คุณจะไปที่ไหนก็ได้ในโลกแต่ที่นี่แสดงให้เห็นถึงความจริงของชีวิต.. เกิด แก่ เจ็บ ตาย

หลังจากที่เดินออกมา สิ่งที่เห็นทำให้เรากลัวและรู้สึกสับสนว่าสิ่งที่ทำอยู่จะเป็นสิ่งที่ผิดรึปล่าวนะ ครอบครัวเค้าคงไม่อยากให้คนแปลกหน้าเดินเข้ามาดูญาติๆของพวกเค้าหรอก แต่ก็สายไปซะแล้ว เราบอกเค้าว่าไม่สามารถบริจาคเงินค่าไม้ให้ได้เพราะต้องบริจาคเป็นกิโลและราคาแพงเกินไปสำหรับเรา อีกใจเราไม่อยากให้เงินเค้าไปเลยกลัวว่าจะเป็นการสนับสนุนในทางที่ผิด คุณลุงเริ่มโกรธ บอกว่าถ้าไม่ให้เงินค่าไม้ก็ควรให้เงินเค้าที่อธิบายให้ฟังและพาเข้าไปดู ซึ่งก็จริงของเค้า เราถูกพามาที่นี่ อีกคนบอกว่าไม่ได้ต้องการเงินอะไรจากเราก็จริง แต่เราก็เสียเวลาเค้า ไม่งั้นคงต้องปฏิเสธไปตั้งแต่ทีแรก เราเลยให้เงินจำนวนหนึ่งไม่มากนักแก่เค้าไปในตอนสุดท้าย ตอนนั้นแค่อยากออกไปจากตรงนี้ คนที่พาเรามาบอกว่าอยากพาเราไปที่ร้านของเค้า เราปฏิเสธเค้าไปว่าไม่ได้อยากซื้ออะไร ขอบคุณ และสุดท้ายเค้าก็ขอเงินเราอีก แต่เราบอกเค้าไปว่า “เราไม่สามารถให้เงินทุกคนได้”

บ้านที่นี่มีตรอกซอกซอยมากมายและทางเดินเล็กมาก เราได้ยินเสียงคนโวยวายเสียงดังและหันหลังกลับ ปรากฎว่ามีวัวเขาแหลมๆตัวหนึ่งกำลังวิ่งเข้ามา โชคดีตอนนั้นมีมุมให้หลบพอดีเลยหลบได้ทัน หลังจากผจญภัยกันมามาก ออกมาได้ก็ตรงดิ่งกลับที่พักทันที ที่อินเดียมีวัวอยู่ตามท้องถนนเป็นเรื่องปกติ แต่ที่พาราณสีมีเยอะมากกว่าเมืองไหนๆ วัวเยอะ ขี้วัวก็เยอะ ทุกก้าวที่เดินต้องระวังไม่ให้เหยียบกับดักเข้า แม้เค้าจะบอกว่าเหยียบแล้วจะโชคดีก็ตาม (ไม่เป็นไร พี่เกรงใจ 😅) หรือตอนที่นั่งตุ๊กๆบนถนนที่มีวัวยืนอยู่ ต้องคอยระวังเขาของมันเวลาหันไปมา แค่ก้าวเท้าออกมาข้างนอกก็ต้องใช้พลังมากมายแล้วสำหรับเมืองนี้ ตอนนั้นอยากจะเดินทางมุ่งหน้าไปยังอีกเมืองให้เร็วที่สุด

อ่านก่อนหน้าได้ที่นี่ : ตอนที่ 2 : อนุสรณ์แห่งความรัก.. ทัชมาฮาล

อ่านตอนต่อไปได้ที่นี่ : ตอนที่ 4 : พักใจที่กายา

2 Comments