เที่ยวอินเดียด้วยตัวเอง Tag

เรานั่งรถไฟจากกายาไปโกลกาตา บนรถไฟได้ยินเสียงเด็กๆกลุ่มนึงนั่งร้องเพลงกันอยู่ทางด้านหลัง เรามีคุกกี้อยู่เลยถามเด็กๆว่ากินไหม เด็กๆส่ายหน้า (ไม่กินขนมของคนแปลกหน้า ฮ่าๆ) แต่ซักพัก.. พวกเค้าก็หันมาชวนคุยว่ามาจากไหน ประเทศอะไร นับถือศาสนาอะไร ขอเข้ามานั่งกับเรา ให้เราสอนภาษาไทยให้ จดใส่สมุด ให้วาดรูปให้ เราเลยวาดรูปเกี่ยวกับกรุงเทพให้เค้าดูว่าเป็นยังไง มีตึกและห้างสรรพสินค้ามากมาย รถติด มีรถไฟฟ้าใต้ดิน บนดิน วาดต้มยำกุ้งให้ดู ว่านี่คืออาหารบ้านเรานะและอร่อยมาก พวกเขาเป็นเด็กๆที่เรียนยูโดและเพิ่งกลับมาจากการแข่งขันกัน แถมชนะซะด้วย ถึงแม้จะบอกว่าทีมของเมืองหลวงจากนิวเดลีขี้โกงมากๆ เราคุยเล่นกันซักพัก.. ง่วงเลยต้องขอตัวไปงีบหลับ ตื่นมาพวกเค้าก็ชวนคุยเล่นอีก พวกเค้าไม่อายที่จะพูดภาษาอังกฤษเลย แถมมีนิสัยอยากเรียนรู้ ถามนู่นถามนี่อยากรู้เรื่องต่างๆ ถึงแล้วโกลกาตา ได้เวลาต้องโบกมือลาอีกครั้ง.. ที่นี่มีสุสานของแม่ชีเทเรซาตั้งอยู่ เราเคยแต่ได้ยินชื่อของท่านแต่โชคดีวันนี้ได้มีโอกาสมาเยี่ยมที่สุสานที่ตั้งอยู่ใน Missionaries of charity mother house มีพิพิธภัณฑ์เล็กๆเล่าเรื่องราวอยู่ด้านใน เราไม่ได้ศึกษาข้อมูลมาดีๆ วันพฤหัสที่เราไปดันเป็นวันที่เค้าปิดพอดี แต่แม่ชีที่นั่นก็ใจดีเปิดให้เราได้เข้าไปดู.. ท่านเป็นนักพรตหญิงในศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะผู้ช่วยเหลือและต่อสู้เพื่อคนยากไร้ ท่านมีเชื่อสายอัลเบเนียโดยกำเนิดแต่เดินทางมาที่อินเดียและใช้ชีวิตบั้นปลายที่นี่เพราะเมื่อตอนที่ยังอายุน้อยได้ยินว่ามีคนยากไร้อยู่เยอะและอยากจะช่วยเหลือ จึงได้บวชเป็นแม่ชีและไม่ได้เห็นหน้าแม่และน้องสาวอีกเลยนับจากนั้น ท่านยังเป็นครูสอนวิชาภูมิศาสตร์และประวัติศาสตร์และเป็นครูใหญ่ในภายหลังในโรงเรียนทางตอนเหนือของอินเดีย พานักเรียนและครูผ่านเหตุการณ์เลวร้ายจากความรุนแรงและสงครามในอินเดียไปได้ด้วยดี...

ระหว่างพาราณสีถึงโกลกาตาค่อนข้างไกลเราเลยต้องหยุดพักเมืองนึงระหว่างทางก่อน วันนึงในโรงแรมที่อัครา บังเอิญเจอหนังสือท่องเที่ยวเลยหยิบมาดู มีเมืองนึงชื่อ "กายา" ที่น่าสนใจเพราะมีสถานที่ที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้อยู่ที่นั่น เป็นเมืองที่อยู่ระหว่างทางพอดี เราเลยอยากแวะที่เมืองนี้ เมืองที่ไม่ได้คิดมาก่อนว่าจะไปกลับเป็นเมืองที่เราชอบมากที่สุดในทริปนี้.. ทางเดียวกัน ไปด้วยกัน เดินผ่านบ้านหลากหลายสีสันที่เค้ากำลังช่วยกันทาสีบ้านด้วยตัวเอง เราเดินทางด้วยแชร์ตุ๊กๆคันเล็กๆที่ด้านหลังถูกนำกล่องไม้มาวางไว้เป็นที่นั่งทำให้โดยสารได้พร้อมกันทั้งหมดเกือบ 10 คนและเดินทางไกลในราคาแค่คนละ 40 บาทแค่ต้องเบียดๆกันหน่อย ฮ่าๆ มาถึงตลาดก็เห็นมีพระเดินอยู่ตามท้องถนน เราเดินไปเรื่อยๆ ก็มีคนอินเดียชวนเราคุยเป็นภาษาไทยบอกว่าไปเรียนที่วัดไทยมา พระอาจารย์สอนฟรี เราหยุดที่ร้านขายหนังสือแห่งหนึ่ง ข้างในมีสติ๊กเกอร์เขียนว่า “Free Tibet” ขายอยู่ เพราะทิเบตเป็นเมืองขึ้นของจีนอยู่ในขณะนี้ เราคิดว่าเพิ่งเป็นมาไม่นาน แต่จริงๆเป็นมานานเกือบ 70 ปีแล้ว ตั้งแต่สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ระหว่างที่เราอยู่ที่อินเดียเห็นพี่ฌอน บูรณะหิรัญ นักสร้างแรงบันดาลใจไอดอลของเราลงรูปใน IG ว่าเข้าพบดาไลลามะที่อินเดีย เราเลยเพิ่งรู้ว่าท่านอยู่ที่อินเดียไม่ใช่ทิเบต วัดทิเบตในกายา ดาไลลามะองค์ที่ 14 ผู้นำทางจิตวิญญาณของทิเบตท่านนี้ต้องเดินทางออกนอกทิเบตมาอยู่ที่อินเดียเพราะถูกทางการจีนขอให้ออกจากประเทศ ผู้คนตายมากกว่า 1 ล้านคน และ วัดถูกทำลายมากถึง 40,000...

จากเมืองอัคราเรานั่งรถไฟข้ามวันไปที่เมืองพาราณสีกันต่อ ที่นี่มีแม่น้ำคงคาที่ผู้คนให้ความเคารพ หากเดินไปตามท่าน้ำต่างๆจะเห็นผู้คนเดินทางหลั่งไหลเข้ามาชำระร่างกายกันที่นี่ เชื่อว่าน้ำจะสามารถชำระล้างบาปได้ในความคิดของชาวฮินดู แม้เราจะเห็นว่าน้ำนั้นสกปรกและมีขยะลอยอยู่ก็ตาม ที่ Dashashwamedh Ghat ตกเย็นจะมีการแสดงสรรเสิญเทพเจ้า ผู้คนมากมายจ่ายค่าตั๋วราคา 50 บาทและนั่งรอบนเรือที่จอดอยู่ที่ท่า พวกเราก็เป็นหนึ่งในนั้น การแสดงถูกจัดขึ้นด้วยดอกไม้ ควัน และตะเกียงจุดไฟ มีชีวิตชีวามากขึ้นด้วยการร่วมมือของผู้คนที่มาชมช่วยกันร้องเพลงและปรบมือไปด้วยกัน รถไฟนอนของอินเดีย พี่หลับได้สบาย หลังจากการแสดงจบ มีชายคนนึงเดินเข้ามาหาเราบอกว่าจะพาไปดูสถานที่เผาศพของที่นี่ เคยได้ยินมาก่อนว่าจะมีการเผาศพใกล้แม่น้ำแห่งนี้ด้วย ด้วยความอยากรู้อยากเห็นทำให้เราเดินตามเค้าไป จนมาหยุดอยู่กับคุณลุงท่านนึง เค้าอธิบายให้เราฟังเกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้ ตึกที่เราเห็นด้านข้างนี้เป็นสถานที่ดูแลคนที่มีอายุมากแล้ว พวกเค้าจะช่วยกันดูแลหาอาหารมาให้ หากเมื่อใดที่เสียชีวิตเค้าจะนำร่างมาเผาที่ที่แห่งนี้ เค้าบอกว่าเค้าภูมิใจในงานที่ทำเพราะได้ช่วยเหลือผู้คน รอบๆเต็มไปด้วยไม้ที่ถูกตัดเตรียมไว้ใช้มากมายตั้งอยู่เรียงราย ไฟจากพระศิวะที่ใช้ในการเผาศพจะถูกหล่อเลี้ยงให้ลุกโชนตลอดเวลาเพื่อใช้สำหรับการเผาศพที่เกิดขึ้นตลอด 24 ชั่วโมง ศพจะถูกแช่ในน้ำเพื่อชำระล้างบาปเป็นครั้งสุดท้าย และถูกนำขึ้นมาคลุมด้วยผ้าและดอกไม้ไว้ ลูกชายคนโตจะต้องโกนศรีษะ นุ่งขาวห่มขาว และมาชำระร่างกายที่แม่น้ำแห่งนี้เช่นกัน คนในครอบครัวจะไม่มีใครร้องไห้ เพราะเชื่อว่าจะทำให้วิญญาณจากไปอย่างสงบสุข เพราะที่นี่มีความศักดิ์สิทธิ์มากสำหรับชาวฮินดู เป็นที่ที่พวกเค้าอยากให้ร่างมาอยู่เป็นครั้งสุดท้าย เราค่อยๆเดินตามเข้าไปดูสถานที่จริงด้วยความกล้าๆกลัวๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าเป็นที่เผาศพที่วางเรียงกัน 2 ข้าง เป็นเพียงแต่ฐาน ฟืน...

วันต่อมาเราเดินทางไปยังเมืองอัคราด้วยรถไฟ ตกเย็นผู้หญิงอินเดีย 2 คนที่นั่งตรงข้ามเราช่วยกันทำอาหารเย็นบนรถไฟ ปอกแตงกว่า มะเขือเทศ หอมใหญ่ โรยถั่ว ปรุงด้วยมะนาวและเกลือเทใส่จานกระดาษแบ่งให้สามีและลูกๆกินกัน แล้วก็แบ่งให้เรากินด้วย หลังจากนั้นก็จัดโรตีใส่จาน พร้อมกับซอสคล้ายน้ำพริกบ้านเราไว้จิ้มกินกับโรตี เค้าก็แบ่งให้เรากินอีก ให้เยอะมากจนกินไม่หมด เรารู้สึกเกรงใจมากที่กินโรตีอีก 2 แผ่นไม่ไหว แต่เค้าบอกว่าไม่เป็นไรเดี๋ยวจะเอาให้ลิงตามสถานีรถไฟกิน แถมยังปอกฝรั่งแบ่งให้เรากินอีก สรุปเย็นวันนั้นอิ่มหนำสำราญกันมากในขณะที่ก่อนขึ้นรถไฟกลัวว่าจะหิวไม่มีอะไรกิน เราอยากให้อะไรเค้าซักอย่างเป็นการตอบแทนแต่ไม่มีอะไรติดตัวเลยยกเว้นแต่ลูกอมแตงโมที่ติดตัวจากไทยไปเหลืออยู่ เราแบ่งให้เด็กๆกิน ปรากฏว่าเด็กๆชอบ แม่ๆเลยลองกินด้วย พวกเค้าก็เริ่มกล้าคุยกับเรามากขึ้น เราเลยชวนเล่นเกมที่เอามือซ้อนกันแล้วทายว่านิ้วไหนหายไป เราสลับทายกันไปมาอย่างสนุกสนาน เล่นกันตลอดทางจนเมื่อรถไฟถึงจุดหมายของเรา ก็ถึงเวลาต้องบอกลา พวกเราขอบคุณทุกคนอีกครั้ง พวกเค้าน่ารักและใจดีกับเรามาก เป็นอีกหนึ่งความประทับใจที่จะไม่ลืมของทริปนี้ ทัชมาฮาล อนุสรณ์แห่งความรัก หนึ่งใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคใหม่ตั้งอยู่ที่เมืองนี้ เป้าหมายหลักของเราที่มาอินเดียในครั้งนี้ พวกเราตื่นกันแต่เช้าอากาศจะได้ไม่ร้อนและคนไม่เยอะจนเกินไป ค่อยๆเดินเข้าไปก็จะเห็นอาคารคล้ายมัสยิดขนาดใหญ่ที่สร้างจากหินอ่อนสีขาวตั้งตระหง่านอยู่ เดินเข้าไปใกล้เข้า ก็จะเห็นความยิ่งใหญ่ของที่นี่มากขึ้นเรื่อยๆ ลวดลายดอกไม้ที่มีสีสันบนตัวอาคารนั้นไม่ได้เกิดจากเพ้นสีแต่อย่างใด แต่เกิดจากการแกะสลักหินสีต่างๆทั้ง แดง เขียว เหลือง...

“ประเทศของคุณมีประชากรทั้งหมดกี่คน?” หญิงสาวอินเดียคนนึงที่นั่งเบียดด้วยกันบนแชร์ตุ๊กๆถาม “70 ล้านคนได้” เราตอบ เค้าถึงกับหัวเราะออกมา แน่ละ ประเทศเราเล็กนิดเดียวเมื่อเทียบกับอินเดียที่มีประชากรมากถึง 1.34 พันล้านคน มีคนเคยกล่าวเอาไว้ว่าถ้าคุณได้ไปอินเดียสักครั้ง ไม่ตกหลุมรักประเทศนี้ก็จะเกลียดไปเลย เราอยากไปตามหาคำตอบนี้ของตัวเอง ค้นหาตั๋วที่ถูกที่สุดจากกรุงเทพไปอินเดีย ได้เป็นเส้นทางเริ่มต้นจากเมืองชัยปุระสิ้นสุดที่เมืองโกลกาตา เดินทางโดยรถไฟเป็นหลักผ่านเมืองสำคัญต่างๆ คือ ชัยปุระ (Jaipur) อัครา (Agra) พาราณสี (Varanasi) คยา (Gaya) และ โกลกาตา (Kolkata) ที่เมืองชัยปุระ ขณะที่เจ้าของโรงแรมกำลังถ่ายรูปเรากับป้ายชื่อโรงแรม ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างขยับอยู่ข้างๆ หันไปดูปรากฏว่าเป็นลิงนั่งอยู่บนกำแพง ซักพักก็มีอีก 3-4 ตัววิ่งตามกันเข้ามา เจ้าของโรงแรมบอกว่าอะไรที่เราเห็นในสวนสัตว์ จะเห็นได้ตามท้องถนนของที่นี่ ซึ่งก็เป็นอย่างที่เค้าว่าจริงๆ เพราะตอนที่เราเดินไปขึ้นรถบัสสาธารณะเพื่อไป Amber fort วังเก่าของเมืองนี้ ก็เจอทั้งอูฐ ลา วัว ช้าง...