03 Nov เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 8: แวะดูนาฬิกาโลกเบอร์ลิน (World Clock Berlin) กลางเมืองสุดเจ๋ง แนะนำอาหารที่เห็นได้แทบจะทั่วเยอรมันอย่างโดเนอร์ “Doner” และเล่าเรื่องชีวิตใน 1 อาทิตย์กับครอบครัวชาวเยอรมัน
เที่ยวเบอร์ลินกับ Takemeaway.life เดินทางมาถึงตอนสุดท้ายแล้วกับ 2 วันในการเดินตะลอนอยู่ในเบอร์ลิน เมืองที่อินดี้ที่สุดในประเทศเยอรมัน เมืองนี้ที่หลายๆคนอาจจะคิดว่าไม่ค่อยมีอะไรกลับมีสถานที่ที่น่าสนใจมากมายรอให้เราพาตัวเองไปให้ถึง ตอนสุดท้ายแล้วเราก็จะเต็มอิ่มกันหน่อยทั้งแวะดูนาฬิกาโลก (World Clock Berlin) สุดเจ๋ง เครื่องเดียวบอกเวลาได้แทบจะทั่วทั้งมุมโลก แถมมีขนาดใหญ่ตั้งอยู่ที่ใจกลางเมืองกันเลย แนะนำอาหารราคาถูกที่หากินได้ในเยอรมันแทบจะทุกที่ที่เรียกว่าโดเนอร์ (Doner) พร้อมชี้พิกัดร้าน และเล่าเรื่องชีวิตใน 1 อาทิตย์กับครอบครัวชาวเยอรมันค่ะ
รีวิวเที่ยวเบอร์ลินด้วยตัวเอง: แวะดูนาฬิกาโลกเบอร์ลิน (World Clock Berlin) กลางเมืองสุดเจ๋ง
นาฬิกาโลกเบอร์ลิน (World Clock Berlin)
นาฬิกาโลกเบอร์ลิน (World Clock Berlin) แห่งนี้มีชื่อเรียกอีกชื่อหนึ่งว่า “Urania World Clock” เป็นนาฬิกาแบบแท่นหมุน (Turret clock) ออกแบบโดย Erich John สร้างมาตั้งแต่กันยายน ปี 1969 ไม่น่าเชื่อว่าเจ้านาฬิกาโลกนี้มีน้ำหนักมากถึง 16 ตัน ! ถูกวางตั้งอยู่ในใจกลางเมืองย่านอเล็กซานเดอร์พลัทซ์ (Alexanderplatz) ที่สมัยนั้นมีแผนจะพัฒนาเมืองบริเวณนี้ให้กว้างขวางขึ้น ปัจจุบันบริเวณนี้ถูกล้อมรอบไปด้วยห้างสรรพสินค้าหลายแห่ง กลายเป็นแหล่งช้อปปิ้งขนาดใหญ่สำหรับคนเบอร์ลิน ยังไงก็ตามพื้นที่บริเวณนี้กว้างขวางมากและมีหลายจุดเป็นที่นั่งให้พวกเราได้นั่งพักกันได้ มีแม้แต่สนามเด็กเล่นขนาดเล็กให้เด็กๆได้เล่นกันด้วย ว่าแต่เจ้าเครื่องนี้ดูเวลายังไง มีเวลาของกรุงเทพเมืองหลวงของประเทศไทยเราอยู่ไหม แล้วอยู่ตรงไหน มาดูพร้อมๆกันเลย !
วิธีดูเวลาบนนาฬิกาโลกเบอร์ลิน (World Clock Berlin)
เวลาเบอร์ลิน (Berlin) บนนาฬิกาโลกเบอร์ลิน (World Clock Berlin)
ก่อนอื่นเรามามองหาเวลาของ Berlin กันก่อนเลย เจอไหมคะ? อยู่ด้านบนใกล้กลับ Amsterdam อัมสเตอร์ดัม (เนเธอร์แลนด์) เมืองที่เราเพิ่งไปเที่ยวมาก่อนหน้าเบอร์ลินนี่เอง (อ่านเกี่ยวกับเที่ยวเนเธอร์แลนด์ได้ที่นี่ เที่ยวอัมสเตอร์ดัมด้วยตัวเอง: เดินเล่นรอบๆอัมสเตอร์ดัมให้ขาลากแล้วแวะกินสเต๊กร้านอร่อยในอัมสเตอร์ดัมที่แนะนำโดยคนดัตช์เอง ! ) จากภาพจะเห็นได้ว่าเบอร์ลินมีโซนเวลาเดียวกันกับประเทศต่อไปนี้
- ประเทศใกล้เคียงอย่าง Brussel บรัสเซลส์ (เบลเยียม), Budapest บูดาเปสต์ (ฮังการี), Paris ปารีส (ฝรั่งเศส), Prag ปราก (สาธารณรัฐเช็ก), Warschau วอร์ซอ (โปแลนด์), Wein เวียนนา (ออสเตรีย), Rom โรม (อิตาลี)
- เมืองอื่นๆที่อยู่ถัดออกไปอย่าง Madrid มาดริด (สเปน), Bern เบิร์น (สวิตเซอร์แลนด์), Pressburg บราติสลาวา (สโลวาเกีย), Belgrad เบลเกรด (เซอร์เบีย)
- ประเทศแถบสแกนดิเนเวียนอย่าง Stockholm สตอกโฮล์ม (สวีเดน), Oslo ออสโล (นอร์เวย์) , Kopenhagen โคเปนเฮเกน (เดนมาร์ก)
- บางประเทศในอเมริกาเหนือและเแอฟริกาอย่าง Tunis ตูนิส (ตูนิเซีย), Khinshasa กินชาซา (คองโก) ตามลำดับ
ชื่อเมืองจะคล้ายกับภาษาอังกฤษแต่ว่าไม่ใช่เพราะเป็นภาษาเยอรมันนั่นเอง อย่าง Bratislava คนเยอรมันเค้าเรียกเป็นอีกชื่อเลยว่า Pressburg เมืองทั้งหมดนี้อยู่ในโซนเวลาเดียวกันก็เลยถูกจัดให้อยู่ในช่องเดียวกันแบบนี้ ซึ่งตอนที่เราอยู่ที่นาฬิกาโลกแห่งนี้นั้นในเบอร์ลินเป็นเวลาประมาณ 17.00 น. ตามเลข 17 บนนาฬิกานั่นเอง เช็คกับเวลาในมือถือแล้วคือตรงกัน บนนาฬิกาโลกเบอร์ลินมีช่องแบบนี้ทั้งหมด 24 ช่องที่มีสีต่างกันเพื่อแทนโซนเวลาที่แตกต่างกันของโลกทั้ง 24 ชั่วโมงในหนึ่งวันนั่นเองค่ะ
มามองหาเวลาไทยกันบ้างดีกว่า รู้อยู่แหละว่าต่างกันประมาณ 6 ชั่วโมง แต่ชอบลืมทุกทีว่าใครเร็วกว่าใคร ไทยหรือเยอรมัน เดินวนรอบนาฬิกาแบบไม่แคร์สื่อแป๊บ เจอแล้ว ! เวลาของกรุงเทพอยู่ที่เลข 23 เท่ากับเวลา 23.00 น. ต่างกับเยอรมัน 6 ชั่วโมง โดยเวลาไทยเร็วกว่านั่นเองค่ะ ตอนเย็นในเยอรมันจะเป็นตอนกลางคืนในไทย นาฬิกาโลกเบอร์ลินนี้เดินได้ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าที่ขับเคลื่อนเกียร์ที่อยู่ภายในให้นาฬิกาให้สามารถเดินได้ แม้เราจะแทบไม่สามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่าตอนมันขยับก็ตาม จะเห็นได้ว่ามีสี่เหลี่ยมเล็กๆอยู่ข้างในแต่ละช่องอีกทีซึ่งทำให้เราสามารถคาดเดาจำนวนนาทีได้อีกด้วย
- เมืองอะไรที่เวลาไม่ต่างกันกับไทยเพราะอยู่โซนเวลาเดียวกันกับกรุงเทพ ประเทศไทยบ้าง?: Hanoi ฮานอย (เวียดนาม), Phnom Penh พนมเปญ (กัมพูชา), Jakarta จาการ์ตา (อินโดนีเซีย) และ Krasnojarsk คราสโนยาสก์ (รัสเซีย)
- เมืองอะไรที่มีเวลาเร็วกว่ากรุงเทพอยู่ 1 ชั่วโมง?: Peking ปักกิ่ง, Shanghai เซี่ยงไฮ้ (จีน), Manila มะนิลา (ฟิลิปปินส์), Perth เพิร์ท (ออสเตรเลีย), Hongkong ฮ่องกง, Kualalumpur กัวลาลัมเปอร์ (มาเลเซีย) Singapur สิงคโปร์, Irkutsk อีร์คุตสค์ (รัสเซีย) และ Ulan bator อูลานบาตาร์ (มองโกเลีย)
- เมืองอะไรที่มีเวลาเร็วกว่ากรุงเทพอยู่ 2 ชั่วโมง?: Pjongjang เปียงยาง (เกาหลีเหนือ), Tokyo โตเกียว (ญี่ปุ่น), Seoul โซล (เกาหลีใต้) และ Jakutsk ยาคุตสค์ (รัสเซีย) เมืองที่หนาวที่สุดในโลกที่มีอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ -40 องศาเซลเซียส !
ที่นาฬิกาโลกเบอร์ลินนี้เป็นอีกจุดสำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างหนึ่งของประเทศเยอรมัน เพราะในปีที่มีการเฉลิมฉลองครบรอบ 40 ปีของประเทศเยอรมันตะวันออกหรือ German Democratic Republic (GDR) เหล่าผู้คนที่คัดค้านได้เดินประท้วงจาก World Clock Berlin แห่งนี้ไปยังอาคารรัฐสภาเยอรมันตะวันออกด้วยกันในสมัยนั้น โดยหลังจากนั้นเป็นเวลาแค่ 33 วันก็เป็นวันที่กำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลงและไม่มีประเทศเยอรมันตะวันตกหรือตะวันออกอีกต่อไป มีแค่ประเทศเยอรมันเท่านั้นอย่างที่ควรจะเป็นในปัจจุบัน ความพยายามของประชาชนที่อยากเป็นอิสระจากรัฐบาลที่พวกเค้าไม่ต้องการได้เห็นผลเป็นจริงขึ้นมาในที่สุดและเคยเกิดขึ้นที่สถานที่แห่งนี้ด้วย ปัจจุบันนาฬิกาโลกเบอร์ลินยังเป็นจุดนัดพบกันสำหรับคนเบอร์ลินเองด้วยค่ะ น่าจะเป็นจุดที่เจอกันง่ายที่สุดแล้วล่ะถ้านัดเจอกันแถวนี้
ตอนแรกเราเฉยๆมากกับที่นี่ รู้สึกว่าไม่ต้องมาก็ได้ นั่งรถไฟผ่านอยู่ครั้งนึงก็เห็น อ้ะนั่นไง ! นาฬิกาโลกที่เค้าพูดถึงกัน แต่รู้สึกว่าไหนๆก็ไหนๆแล้ว มาเบอร์ลินทั้งทีก็แวะซักหน่อยละกัน ใกล้กันซะขนาดนี้แล้ว พอได้มาเห็นนาฬิกาโลกเบอร์ลินของจริงตรงหน้าแล้วก็รู้สึกว่าเห้ยมันเจ๋งดีนะที่นาฬิกาเครื่องเดียวนี้ดูเวลาได้ทั่วโลก ! ซึ่งมากถึง 148 เมืองทั่วโลกด้วยกัน ตอนแรกก็สงสัยว่าดูเวลาทั่วโลกได้จริงหรือ? แล้วมันทำงานยังไง วันนี้ก็ได้แก้ไขข้อข้องใจของตัวเองแล้วและก็ได้เห็นโซนที่เจริญหูเจริญตาของเบอร์ลินแถวนี้ด้วยเพราะก่อนหน้านี้เราเดินอยู่ในโซนของเมืองเก่าของเบอร์ลินมาตลอด เราเลยอยากแนะนำเพื่อนๆให้แวะมาดูนาฬิกาโลกเบอร์ลินที่ย่านอเล็กซานเดอร์พลัทซ์ (World Clock Alexanderplatz) แห่งนี้หากมาเที่ยวที่เบอร์ลินกันด้วยค่ะ
สถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน Alexanderplatz
พิกัด นาฬิกาโลกเบอร์ลิน (World Clock Berlin): World Time Clock Berlin Google Map
วิธีเดินทางมาที่ นาฬิกาโลกเบอร์ลิน (World Clock Berlin): นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงที่สถานี Alexanderplaz (Alexanderplatz Google Map) แล้วเดินต่ออีกไม่กี่นาทีถึง
นอกจากย่านอเล็กซานเดอร์พลัทซ์ (Alexanderplatz) จะมีนาฬิกาโลกเบอร์ลิน (World Clock Berlin) ตั้งอยู่และดึงดูดนักท่องเที่ยวมากมายให้มาที่ย่านนี้แล้ว ก็ยังมีอีกสถานที่นึงที่เป็นจุดชมวิวในเบอร์ลินเรียกว่า Berliner Fernsehturm ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มาชมวิวของเบอร์ลินที่นี่กัน เราเองดูราคาแล้วก็ว่ามันไม่ใช่ถูกๆเลยก็เลยข้ามไป ฮ่าๆ ความงกเข้าครอบงำ แต่ถ้าใครสนใจอยากขึ้นไปดูวิวก็สามารถซื้อตั๋วได้ที่เครื่องซื้อตั๋วด้านหน้าตึกหรือซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่นี่ เว็บไซต์ซื้อตั๋วออนไลน์ จุดชมวิว Berliner Fernsehturm
ราคาตั๋วค่าเข้าจุดชมวิว Berliner Fernsehturm: 16.5 ยูโร (555 บาท)
วันเวลาที่เปิดให้บริการ จุดชมวิว Berliner Fernsehturm:
- มีนาคม – ตุลาคม: 9.00 – 00.00 น.
- พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์: 10.00 – 00.00 น.
*เปิดให้เข้าได้ช้าที่สุด 23.30 น. ของแต่ละวัน และในแต่ละปีเค้าจะปิดเพื่อทำการซ่อมแซมปรับปรุงปีละ 2 ครั้ง สามารถเช็ควันเวลาที่ปิดให้บริการเพิ่มเติมได้ที่นี่เลยค่ะ เว็บไซต์ของ Berliner Fernsehturm (เวลาที่ปิดให้บริการ)
รีวิวเที่ยวเบอร์ลินด้วยตัวเอง: แนะนำอาหารที่เห็นได้แทบจะทั่วเยอรมันอย่างโดเนอร์ “Doner” ทั้งแบบธรรมดาและแบบมังสวิรัติเอาใจคนรักสุขภาพ
ร้าน Doner inn
เมนูอาหารร้าน Doner inn
Doner box
Doner กับขนมปัง + โค้ก 1 ขวด 7.10 ยูโร (240 บาท)
โดเนอร์ (Doner) เป็นอาหารที่เราเห็นมีขายแทบจะทั่วเบอร์ลินและเมืองอื่นๆในประเทศเยอรมันพอๆกับ Currywurst เลยก็ว่าได้ค่ะ มันคือเคบับที่เป็นเนื้อหลายๆชิ้นเสียบไม้แล้วย่าง จากนั้นหั่นออกมาเป็นชิ้นๆแล้วก็ย่างส่วนที่อยู่ด้านในต่อไป แต่ Doner ที่ว่านี้มีความหลากหลายกว่าเพราะสามารถกินกับขนมปังแทนการห่อแป้งหรือสั่งแบบไม่ต้องห่อแป้งได้ด้วยกลายเป็น “Doner Box” เราสามารถเลือกซอสและผักที่เราต้องการที่เคาน์เตอร์เพราะเค้ามีซอสหลายแบบเช่น ซอสมะเขือเทศ มายองเนส ซอสกระเทียม และซอสบาร์บีคิว ตอนที่เราอยู่แถวๆย่านอเล็กซานเดอร์พลัทซ์ (Alexanderplatz) จากการแวะดูนาฬิกาโลกเบอร์ลินจนค่ำก็หิวกันพอดี เลยแวะกินที่ร้านนี้ Doner inn ที่อยู่แถวนั้นเพราะเป็นอาหารสุดฮิตสำหรับคนเยอรมันที่แฟนเราเป็นคนเยอรมันเองก็อยากให้ลองกิน แม้ราคาจะไม่ใช่ถูกๆเลยแต่ก็ดีกว่าเข้าร้านอาหารแพงๆหน่า
พิกัดร้าน Donner inn Berlin: Donner inn Berlin Google Map
วันเวลาที่เปิดให้บริการ Donner inn Berlin: ทุกวัน 9.00 – 18.00 น.
ร้าน Voner (The vegetarian doner)
Durum Voner 3.8 ยูโร (130 บาท)
ใครสายมังไม่มังเราก็อยากแนะนำร้านนี้มากๆค่ะ Voner เป็นร้านอาหารมังสวิรัติสุดชิคในเบอร์ลิน เราสั่ง Durum Voner มาลองกินกันก็ต้องถ่ายรูปเก็บข้อมูลมาฝากเพื่อนๆเพราะเป็นอาหารมังสวิรัติที่อร่อยมาก ! เราเป็น Beef lover ยังแปลกใจที่ตัวเองกินอาหารมังของร้านได้แบบเพลินๆเลย เค้าทำเสร็จใหม่ๆเสิร์ฟแบบร้อนๆเลยยิ่งอร่อยเพิ่มขึ้นไปอีก เจ้าของร้านก็น่ารักและเป็นกันเองกับแขกมากๆ ตอนเราไปก็เห็นคนนั่งอยู่เต็มร้านเลย มีคนแวะมาสั่งกลับบ้านด้วย ร้านเค้าฮิตจริงแถมร้านเปิดดึกด้วยค่ะ ร้านปิด 5 ทุ่ม ! ใครหิวตอนดึกๆแบบเรา หันไปทางไหนร้านอาหารรอบๆปิดหมดแล้วก็มาที่ร้านนี้กันได้ เพื่อนๆสามารถดูเมนูเพิ่มเติมได้ที่เฟสบุ๊คเพจของทางร้านเลยค่ะ Voner FB Page
ลองกินอาหารมังสวิรัติอร่อยๆกันแล้ว ก็ลองดื่มเครื่องดื่มท้องถิ่นที่ทำจากผักและผลไม้ของเยอรมันที่ทางร้านขายยี่ห้อ Voelkel กันดูค่ะ ไม่หวานเลยแต่ก็สดชื่นดี อันนี้รส blood orange
พิกัดร้าน Voner Berlin: Voner Berlin Google Map
วันเวลาที่ให้บริการ ร้าน Voner Berlin: ทุกวัน 12.00 – 23.00 น.
โรงแรมที่อยู่ฝั่งตรงข้าม หน้าต่างทำเป็นรูปกล่องหลากสีสัน เท่ดี
เดินๆอยู่ก็แอบเห็นแมวเบอร์ลินกำลังชื่นชมวิวของเมืองยามค่ำคืนอยู่พอดีเลย น่ารัก
เวลา 1 อาทิตย์ในเบอร์ลินของเราผ่านไปอย่างรวดเร็ว.. เราว่าเราชอบเบอร์ลินนะ แม้จะมีโมเมนต์แปลกๆตอนเจอคนบ้าคุยกับตุ๊กตาหมีคนเดียวบนถนนบ้าง เจอคนเดินเข้ามาขอเงินตอนกำลังเดินเล่นเพลินๆบ้าง กลัวหมูป่าตอนเดินกลับบ้านตอนกลางคืนบ้าง และไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็จะเจอคนเยอรมันสูบบุหรี่แทบจะตลอดเวลา เค้าสูบบุหรี่กันจัดมากพอๆกับคนญี่ปุ่นเลย แต่ก็มีหลายอย่างมากที่เราชอบตั้งแต่การที่เค้าเปลี่ยนสวนรกร้างให้กลายเป็นตลาดนัดอินดี้ในวันเสาร์ให้คนเบอร์ลินได้ออกมานั่งเล่นและเอ็นจอยกันในวันหยุด ศิลปินได้ออกมาโชว์และขายผลงานที่ตัวเองทำขึ้นมา เหล่านักแสดงนักร้องอิสระก็ได้มาแสดงความสามารถของตัวเอง มาที่เยอรมันก็ต้องลองดื่มเบียร์เพราะราคาถูกและได้ใช้เวลาที่นั่งดื่มเบียร์อยู่ด้วยกันนั้นพูดคุยกัน ได้เรียนรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเยอรมันมากขึ้นโดยเฉพาะเรื่องราวของกำแพงเบอร์ลินและเบอร์ลินช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ผ่านสถานที่ต่างๆในเบอร์ลินที่เป็นจุดที่เหตุการณ์เหล่านั้นเคยเกิดขึ้นจริงอย่างเช็คพอยท์ ชาร์ลี, ประตูบรันเดินบวร์ค และกำแพงเบอร์ลินที่ยังหลงเหลืออยู่ที่อีสต์ไซด์แกลลอรี ลองกินอาหารท้องถิ่นของเค้าที่ง่ายๆแต่อร่อยทั้ง Currywurst และ Doner ได้ย้อนยุคถ่ายรูปเล่นเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย Photoautomat และได้แวะไว้อาลัยให้กับชาวยิวที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่เราเพิ่งได้รู้ว่าพวกเค้าเสียชีวิตมากถึง 3 ล้านคนก็วันที่ได้ไปที่อนุสรณ์สถานฮอโลคอสต์ การเดินทางที่นี่ก็สะดวกมากมีตั๋ว one day pass ใบเดียวจะขึ้นลงรถอะไรก็ได้หมด ได้นั่งเล่นอ่านหนังสือที่เราชอบในสวนใหญ่กลางเมืองแถมโชคดีบังเอิญเจอสุนัขจิ้งจอกแม้จะแอบกลัวในตอนแรก มองไปทางไหนก็จะเจอกับสตรีทอาร์ตแทบทุกที่ทำให้เบอร์ลินมีสีสันขึ้นมา
เล่าเรื่องชีวิตใน 1 อาทิตย์กับครอบครัวชาวเยอรมัน
การได้มีโอกาสใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัวคนเยอรมันก็ได้มีโอกาสเห็นว่าเค้าใช้ชีวิตกันยังไงบ้าง สิ่งที่รับรู้ได้เลยคือพวกเค้ารักบ้านของตัวเองกันมากและดูแลรักษากันตลอด ตอนไปเยี่ยมบ้านของพี่ชายอีกคน ก็เห็นว่าพี่เค้ากำลังทำสวนหน้าบ้านอยู่ พี่ชายของแฟนเราซื้อบ้านเก่าที่ถูกทิ้งร้างไว้หลังกำแพงเบอร์ลินถูกทำลายลงมาแล้วค่อยๆช่วยกันซ่อมแซมต่อเติมบ้านกันด้วยตัวเองไปทีละนิดละหน่อย จนถึงทุกวันนี้ก็ยังไม่เสร็จ >.< เค้าพาเราเดินไปดูห้องบางห้องในบ้านที่ยังเต็มไปด้วยอุปกรณ์ซ่อมบ้านวางอยู่บนพื้นเต็มไปหมด เค้ามีบ้านที่ใหญ่และสะดวกสบายมาก มีสวนหน้าบ้านไว้ก่อกองไฟกันในหน้าหนาว ปลูกแอปเปิ้ลในไว้สวนและมีกระถางดอกไม้อยู่เยอะแยะ แถมเป็นพื้นที่กว้างให้แมวได้วิ่งเล่น มีบ่อปลาใหญ่อยู่ที่กลางสวน เบื่อๆก็ไปนั่งให้อาหารปลาเล่นได้ ตอนเช้าก็รอกินอาหารเช้าพร้อมกัน กลางวันเค้าก็ใช้เวลาไปกับการซ่อมบ้าน ทำพื้นในบ้านไม้กลางสวนและต่อเติมบ้านไปอีกเรื่อยๆ มีเวลาเยอะหน่อยก็ตัดต้นไม้ไว้เป็นฟืนเวลาหน้าหนาวมาถึงและช่วยกันล้างรถ ตอนเย็นก็ทำกับข้าว ปิ้งบาร์บีคิวกินกันบ้างและดื่มเบียร์ แล้วก็ใช้เวลาเหล่านั้นเพื่อพูดคุยกันได้แทบจะทุกเรื่อง พูดเรื่องชีวิตกันบ้าง หันไปเล่นกับแมวบ้าง ใช้เวลาเพื่อพักผ่อนจากการทำงานกันจริงๆ เพราะตอนที่เราไปเป็นช่วงวันหยุดของพวกเค้าพอดี เราเลยได้ออกไปปิกนิกที่ทะเลสาปใกล้บ้าน เดินเล่นรอบๆแม่น้ำ และกินไอติมท่ามกลางอากาศเย็นๆกันด้วย
ในบ้านจะแยกขยะอย่างเป็นระเบียบ อาหารเปียกจะถูกเอาไปให้เพื่อนบ้านที่เค้าเลี้ยงไก่ ส่วนขวดพลาสติกจะถูกใส่ตระกร้าเอาไว้จนเต็มก่อนเอาไปคืนที่ซูเปอร์มาร์เก็ต กระดาษและพลาสติกอื่นๆจะถูกใส่ถังขนาดใหญ่ไว้จนเต็มแล้วค่อยเอาไปทิ้ง ว่างๆก็พากันไปซูเปอร์มาร์เก็ต แวะเอาพวกขวดพลาสติกไปคืนที่ร้านแล้วได้เงินคืนด้วย ซื้อของมาตุนไว้ที่บ้าน อาหารเช้าก็เป็นอะไรที่ง่ายๆแค่ขนมปังทาเนย และก็พวกแฮม ชีสหรือนูเทลล่า ภรรยาของพี่ชายแฟนมีทำแยมไว้กินเองแล้วให้เราลองชิมด้วย อร่อยดี ช่วงนั้นเป็นช่วงวันเกิดของพี่ชายแฟนพอดี เค้าจัดงานวันเกิดที่บ้าน สั่งอาหารมากินกันเป็นพวกหมูหันและสลัดต่างๆ ครอบครัวและเพื่อนๆต่างก็มาร่วมยินดีรวมถึงเพื่อนบ้านด้วย สิ่งที่เราสังเกตได้แล้วเราว่ามันน่ารักมากเลยก็คือของขวัญที่พวกเค้าเอามาให้ คนนึงซื้อกระถางต้นไม้มาให้เป็นของขวัญ ทำให้บ้านมีต้นไม้เพิ่มอีก อีกคนซื้อกล่องเครื่องมือสำหรับซ่อมแซมแบบครบชุดมาให้ กล่องใหญ่เลย ของขวัญไม่ใช่อะไรที่สวยหรูแต่เป็นของที่มีประโยชน์และใช้งานได้ แถมเกี่ยวกับบ้านอีกแล้ว เป็นการย้ำเตือนอีกว่าพวกเค้ารักบ้านและชอบดูแลบ้านกันมากจริงๆ
อ่านเที่ยวเบอร์ลินด้วยตัวเองตอนก่อนหน้าได้ที่นี่:
- รีวิวนั่งรถบัสราคาถูกจากอัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) มาเบอร์ลิน (Berlin) โดย Flixbus
- เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 1: แนะนำวิธีซื้อตั๋วรถไฟในเบอร์ลินและพาเดินเล่นในตลาดนัดอินดี้วันเสาร์ (Flohmarkt im Mauerpark)
- เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 2: นั่งชิวในลานเบียร์เก่าแก่ (Prater garden) ย่านเพรนซเลาเออร์ แบร์ค (Prenzlauer Berg) และเล่าวัฒนธรรมการรีไซเคิลแบบสุดโต่งของเยอรมัน
- เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 3: ก้าวข้ามระหว่างฝั่งอดีตเยอรมันตะวันออกและเยอรมันตะวันตกที่เช็คพอยท์ ชาร์ลี (Checkpoint Charlie) จุดที่เคยเกือบทำให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 มาแล้ว
- เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 4: ถ่ายรูปคู่กับประตูบรันเดินบวร์ค (Brandenburg Gate) แลนด์มาร์คของเบอร์ลินและเดินเล่นรอบๆอาคารรัฐสภาเยอรมันบุนเดสทาค (Bundestag)
- เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 5: แวะไว้อาลัยให้กับชาวยิวกว่า 3 ล้านคนที่เสียชีวิตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่อนุสรณ์สถานฮอโลคอสต์ พร้อมแวะนั่งเล่นในเทียร์การ์เด้นท์ (Tiergarten) สวนร่มรื่นใจกลางกรุงเบอร์ลินที่มีสุนัขจิ้งจอกอาศัยอยู่ด้วย
- เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 6: ชวนกิน Currywurst ที่ร้านอร่อยเจ้าดัง Konnopke’s Imbiss และพาย้อนเวลาถ่ายรูปขาวดำแบบอัตโนมัติด้วยตู้ Photoautomat
- เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 7: ชมสตรีทอาร์ตบนกำแพงเบอร์ลินที่ยังไม่ถูกทำลายที่อีสต์ไซด์แกลลอรี (The East Side Gallery) และเดินเล่นใต้สะพานสะพานโอเบอร์บวม (Oberbaum Bridge)
อ่านเที่ยวไลพ์ซิชด้วยตัวเองตอนต่อไปได้ที่นี่: เที่ยวไลพ์ซิช (Leipzig) ตอนที่ 1: ชวนออกกำลังกายและผจญภัยด้วยการพายเรือแคนูผ่านแม่น้ำ 4 สายในไลพ์ซิช Pleiße, Elsterflutbett, White Elster และ Karl-Heine-Kanal เหนื่อยแต่สนุกมาก !
เช็คราคาตั๋วเครื่องบินกรุงเทพ-เบอร์ลินได้ที่นี่: http://bit.ly/flights-Bangkok-Berlin
เรื่อง: ตรีสุคนธ์ จีระมะกร (ตรี)
- รับจ้างเขียน content สนใจส่งข้อความมาทางเว็บไซต์ได้เลยค่ะ
- รับจองตั๋วเครื่องบินทั้งในไทยและต่างประเทศราคาถูก สนใจดูรายละเอียดเพิ่มเติมและทักแชทมาได้ที่ Helloholidays.xyz FB Page
เที่ยวเบอร์ลิน (Berlin) ตอนที่ 7: ชมสตรีทอาร์ตบนกำแพงเบอร์ลินที่ยังไม่ถูกทำลายที่อีสต์ไซด์แกลล
Posted at 17:07h, 03 November[…] […]
เที่ยวเมืองเดรสเดน (Dresden) เมืองมรดกโลกของประเทศเยอรมัน (Germany) ใน 1 วัน - Take Me Away
Posted at 14:45h, 16 December[…] Voner (The vegetarian doner) […]